ข้อควรรู้กฎหมายในการขับรถยามวิกาล

     กฎจราจร คือ ส่วนหนึ่งของกฎหมายจราจร ซึ่งเป็นกฎหมายหลักในการควบคุมการจราจร ให้มีระเบียบและมีความเรียบร้อย พ.ร.บ. การจราจรทางบก ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2562 ที่เพิ่งประกาศใช้ไปนั้น บางข้อก็ยังคงใช้เหมือนเดิม และบางข้อก็ถูกบัญญัติขึ้นมาใหม่ แต่ข้อกฎหมายที่ควรรู้ในการขับขี่ยามวิกาลจะมีอะไรอัพเดทบ้าง วันนี้ พี่หมี TQM นำมาฝากแล้วครับ

1. เมาแล้วขับ โดนปรับแน่นอน

     สำหรับใครก็ตามที่ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น มีโอกาสถูกจำคุก 1 เดือน หรือปรับ 10,000 บาท โดยไม่รอลงอาญา ดังนั้น ถ้ามีแพลนจะ “เมาแบบสุดๆ” แล้ว หาคนขับรถส่วนตัวไว้ล่วงหน้าน่าจะดีกว่า หรือกลับรถแท็กซี่ เพื่อเป็นการไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงกับค่าปรับและอุบัติเหตุทั้งกับตัวคุณเองและผู้อื่น

2. ใบขับขี่ ยึดไม่ได้

     เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรไม่สามารถยึดใบอนุญาตขับขี่ของคุณได้ แต่ตำรวจยังคงสามารถเรียกตรวจใบอนุญาตขับขี่ได้เป็นปกตินะ ซึ่งเราสามารถแสดงใบอนุญาตขับรถรูปแบบที่มี QR Code หรือที่เรียกว่าใบอนุญาตขับขี่อิเล็กทรอนิกส์ต่อเจ้าหน้าที่ได้ อย่างไรก็ดี ควรพกใบจริงไว้ด้วย ซึ่งในกรณีที่เราทำความผิดและโดนเปรียบเทียบปรับ จะมีการบันทึกความผิดลงในใบสั่งและส่งไปที่สถานีตำรวจเพื่อทำการตัดแต้ม ผู้ขับขี่แต่ละคนจะมีแต้มประจำตัว เริ่มต้นที่ 12 แต้ม หากถูกตัดครบ 12 แต้ม จะถูกพักใบอนุญาตขับขี่ 90 วันทันที

3. การขับรถเร็วเกินกำหนด

     ถือเป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลากลางคืน ถ้าคุณใช้ความเร็วเกิน 80 กม./ชม. ในเขตเทศบาลหรือทางพิเศษ (ทางด่วน) และใช้ความเร็วเกิน 90 กม./ชม. นอกเขตเทศบาลไม่เกิน 90 กม./ชม. ระวังจะโดนจับและปรับแน่นอน ยกเว้นถนนบางเส้นที่มีการผ่อนปรนให้ใช้ความเร็วสูงกว่านั้นได้ เช่น เส้นทางมอเตอร์เวย์ไม่เกิน 120 กม./ชม.

4. ต่อภาษีรถยนต์ให้เรียบร้อย

     ปัจจุบันนี้คนที่ยังไม่ชำระค่าปรับตามใบสั่งจราจรยังสามารถต่อทะเบียนและชำระภาษีประจำปีได้ แต่จะยังไม่ได้ป้ายวงกลมตัวจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะออกเป็นสำเนาเอกสารชั่วคราวให้ แต่ถ้าไม่มีเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปี หรือป้ายวงกลม ก็เตรียมค่าปรับไว้ได้เลยไม่เกิน 2,000 บาท

5. รถยนต์ป้ายแดง ต้องระวังเป็นพิเศษ

     หากคุณถอยรถใหม่ป้ายแดง ตามกฎหมายมีการระบุไว้ชัดเจนว่า รถป้ายแดง สามารถวิ่งบนท้องถนนได้เฉพาะช่วงเวลา 06.00-18.00 น. เท่านั้น แต่ยังดีหน่อยที่มีการอนุโลมให้ใช้งานได้ถึง 20.00 น. ตามสภาพการจราจรในปัจจุบัน อย่างไรก็ดีหากถูกจับและไม่มีเหตุผลเพียงพอ จะถูกปรับสูงสุด 10,000 บาท