5 แผนประกันสุขภาพ ที่ลดหย่อนภาษีได้มากที่สุด
อย่างที่ทราบกันว่า ปีงบประมาณ 2561 กรมสรรพากรอนุมัติแล้วว่าให้ใช้ส่วนลดจากการทำประกันสุขภาพของตัวเอง มาใช้ลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งก่อนหน้านี้มีเพียงการทำประกันสุขภาพให้แก่พ่อแม่เท่านั้น ที่เอามาลดหย่อนภาษีได้ โดยจะเป็นประกันชีวิตที่พ่วงประกันสุขภาพ หรือ ประกันสุขภาพรายปี ก็นำมาลดหย่อนได้ แต่ละบริษัทประกันภัยก็ออกแผนกรมธรรม์มาให้ลูกค้าได้ตัดสินใจเลือกกัน
มาดูกันว่า “ประกันสุขภาพ” แบบไหน ใช้ลดหย่อนภาษีได้คุ้มค่าเบี้ยมากที่สุด
แผนประกันสุขภาพที่ “คุ้มครองรายเดี่ยว”
ประกันสุขภาพที่ คุณทำให้ตัวเอง นำไปลดหย่อนภาษีได้ถึง 15,000 บาท ต่อปี
ถ้าเป็นประกันสุขภาพแบบกลุ่ม ที่คุณทำร่วมกับผู้อื่น ไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ (รวมถึงการใช้สิทธิของคู่สมรสทำประกันแบบกลุ่มกับออฟฟิศที่ทำงาน) บางครั้งการทำประกันสุขภาพแบบกลุ่ม กับบริษัทที่คุณทำงานอยู่ จะไม่ร่วมอยู่ในส่วนที่นำไปลดหย่อนภาษีได้ (แม้ว่าบางบริษัทจะให้คุณจ่ายเพิ่มเอง เกือบ 15,000 บาท ต่อปี ก็ตาม) เพราะตามสัญญาที่ทำกับบริษัทประกันภัย ผู้เอาประกันภัยเป็นนิติบุคคล จึงนำมาลดหย่อนในแบบบุคคลธรรมดาไม่ได้
แผนประกันสุขภาพที่ “คุ้มครองค่าใช้จ่ายเมื่อต้องนอนโรงพยาบาล”
ไม่เลือกทำประกันสุขภาพที่คุ้มครองค่าใช้จ่าย Admit เกินความจำเป็น เพราะมีผลต่อการจ่ายเบี้ยประกันต่อปีสูงมาก ๆ ควรเน้นเรื่อง ค่าแพทย์, ค่าอุปกรณ์พิเศษ, ค่าผ่าตัด ให้พอดีกับความสามารถในการจ่ายของคุณ
แผนประกันสุขภาพที่ “ค่าห้องไม่ต้องมาก”
คุณสามารถเลือกค่าห้อง (ห้องธรรมดา / ห้อง ICU) ที่พ่วงอยู่ในแผนกรมธรรม์สุขภาพ ได้ตั้งแต่ราคา 1,000 / 1,500 / 2,000 / 2,500 ไปจนถึง 5,000 บาท หรือมากกว่านี้ก็ได้ แต่ในกรมธรรม์จะกำหนดค่าห้องพักสูงสุดกี่วัน ไม่ได้เบิกเคลมได้ทั้ง 365 วัน (ทั้งห้องพักธรรมดา และ ห้อง ICU)
แผนประกันสุขภาพที่ “คุ้มครองอุบัติเหตุสมเหตุสมผล”
เบี้ยประกันสุขภาพจะถูกตัดออกจากการคำนวณเบี้ยสุขภาพ ลองดูในแผนประกันสุขภาพบางกรมธรรม์ของคุณ ว่าผูกกับความคุ้มครองประกันอุบัติเหตุหรือเปล่า? (เริ่มต้นเสียเดือนละไม่กี่ 100 บาท ไปจนถึงหลัก 10,000 บาท แต่การลดหย่อนภาษีมีข้อจำกัด ไม่เกิน 15,000 บาท ต่อปี) หากคุณเลือกความคุ้มครองอุบัติเหตุสูง ๆ จ่ายเบี้ยประกันสุขภาพสูง ๆ ต่อปี เวลาสรุปยอดรวมแล้วต้องดูดี ๆ ว่าเป็นเบี้ยประกันสุขภาพกี่บาท
จ่ายเบี้ยกรมธรรม์รวม 20,000 บาท
เป็นเบี้ยประกันสุขภาพ 12,000 บาท
เบี้ยประกันอุบัติเหตุ 8,000 บาท
แผนประกันสุขภาพที่ “ไม่เสียค่าเบี้ยให้กับการจ่ายค่ารักษาโรคร้ายแรงเกินความจำเป็น”
บางท่านมีความกังวลกลัว
โรคร้ายแรงเกินความจำเป็น โดยที่ไม่รู้ว่าคิดเบี้ยคุ้มครองแยกกับ “แผนประกันสุขภาพ” ควรเอาเงินไปจ่ายให้กับ ค่ายา ค่ารักษาพยาบาล มากกว่าค่าชดเชยรายได้เมื่อป่วยเป็นโรคร้ายแรง โดยประเมินจากโอกาสที่จะเกิดโรคร้ายแรงจากประวัติคนในครอบครัวว่าเป็นโรคเหล่านี้หรือเปล่า? หรือหากอยากจะทำประกันโรคร้ายแรงไว้ ก็ดูว่าคุ้มครองสุขภาพคุ้มการจ่ายหรือเปล่า?
เนื่องจากยอดลดหย่อนภาษีเงินได้ จากการทำประกันสุขภาพ ใช้สิทธิได้สูงสุดเพียง 30,000 บาท (แบ่งออกเป็นของตัวเอง 15,000 บาท และของบิดามารดาอีก 15,000 บาท) ไม่จำเป็นต้องทำประกันสุขภาพเป็น 100,000 บาท เพื่อจะใช้สิทธิลดหย่อนภาษีโดยเฉพาะก็อาจจะไม่คุ้ม เผื่อเงินไว้ทำประกันชีวิต และ ซื้อกองทุนบ้างก็ได้
แนะนำประกันสุขภาพ Health On Top by TQM x กรุงเทพประกันภัย
เดือนตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา
TQM เพิ่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Health On Top ซึ่งให้สิทธิ์กับพนักงานประจำอายุ 21 - 60 ปี ได้ซื้อประกันสุขภาพเพิ่มเติม แม้ว่าคุณจะมีประกันกลุ่มกับสวัสดิการบริษัทอยู่แล้ว โดยคุณจ่ายเพิ่มเพียงประมาณ 3,000 บาท ก็ได้สิทธิ์ความคุ้มครองเกี่ยวกับค่ารักษา ต่อโรค ต่อครั้ง ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
"ประกันสุขภาพ Health On Top"
READ MORE :