รถ 6 ล้อแหกโค้งชนเก๋ง ประกันจ่ายไหม
รถบรรทุกหกล้อ เป็นรถใหญ่ หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา มักจะถูกมองว่าเป็นฝ่ายผิดเสมอ แต่อย่าลืมว่าในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุนั้น มีปัจจัยอื่น ๆ เป็นส่วนประกอบ ทั้งการขับรถตัดหน้า หรือความเสื่อมของสภาพเครื่องยนต์ รวมถึงการขับมาในทางหลัก ทางรอง ก็ถูกนำมาประกอบการพิจารณาต่อศาลด้วย
หากรถบรรทุกทำประกันชั้น 1 ประกันจ่ายทุกอย่าง แต่ก็มีข้อยกเว้นที่เข้าใจง่าย ๆ เช่น
1) หากคนขับดื่มสุรามึนเมา หรือเสพยาเสพติด
3) คนขับทำผิดกฎหมายจราจร
แต่หากเป็นประกันชั้น 2+ ลงมา ประกันจะคุ้มครองรถของเราในกรณีไฟไหม้รถ น้ำท่วม รถชนรถ เท่านั้น หากคนขับเกิดหลับใน หรือเกิดจากอุบัติเหตุ ก็ต้องลงไปดูในรายละเอียดต่อไปว่าเกิดจากความประมาทหรือเปล่า? แต่หากเป็นอุบัติเหตุจากการเฉี่ยวชน ทางประกันของเราต้องจ่ายให้กับคู่กรณี
และในการเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้ง หากความสูญเสียมีมูลค่าสูง ทั้งค่าซ่อมรถ และค่ารักษาพยาบาลของทั้งเราและคู่กรณี ประกันทั้ง 2 ฝ่ายจะร่วมกันจ่ายค่าสินไหมโดยดูว่าแต่ละฝ่าย ใครเป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูกและต้องจ่ายมากน้อยแค่ไหน ซึ่งการตัดสินใจเคลมค่าสินไหมนี้ ต้องมีใบแจ้งความ และหากตกลงกันได้ก็ไม่ต้องขึ้นศาล แต่ต้องมีใบแจ้งความเพื่อยืนยันว่าเหตุดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจริง มีความเสียหายเกิดขึ้น แต่หากมีผู้เสียชีวิต จะต้องดำเนินการไปตามกฎหมายไม่สามารถหยุดแค่การตกลงกันเองได้
นอกจากนี้ ไม่ว่าจะทำประกันชั้น 1, 2 หรือ 3 ประกันภาคบังคับอย่าง พ.ร.บ. ก็ต้องมีส่วนร่วมจ่ายความคุ้มครองผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต และทรัพย์สินของคู่กรณีด้วย โดยทุกคนที่ได้รับบาดเจ็บจากรถยนต์ที่มี พ.ร.บ. ก็สามารถทำเรื่องเคลมสินไหมกับ บริษัทกลางประกันภัยฯ ดังนี้
1) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (หรือพาสปอร์ต / ใบสำคัญต่างด้าว)
2) ใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาล (หากไม่ต้องนอนโรงพยาบาล) / ใบแจ้งหนี้ หรือ ใบหน้าสรุปงบการรักษาพยาบาล (กรณีนอนโรงพยาบาล)
รถบรรทุก 6 ล้อ จัดอยู่ในรถยนต์รหัส 320 น้ำหนัก 4 – 12 ตัน
ผู้ประกอบการที่มีรถบรรทุก 6 ล้อ นิยมเลือกความคุ้มครองอะไรบ้าง?
1) คุ้มครองตัวรถ ทรัพย์สิน และค่ารักษาพยาบาลให้แก่คนขับ
2) คุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก
3) คุ้มครองอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมพิเศษ อาทิ เครน ไฮดรอลิค
เพราะส่วนใหญ่ประกันรถบรรทุก 6 ล้อ เป็นประกันชั้น 3 จริงหรือไม่?
ไม่จริงครับ! ส่วนใหญ่แล้วการเลือกทำ
ประกันรถบรรทุก 6 ล้อนั้น ขึ้นอยู่กับงบประมาณ และหลาย ๆ อย่าง ของผู้ประกอบการ แต่ส่วนใหญ่ก็จะคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ขับขี่ และคู่กรณีหากเกิดการเฉี่ยวชน และผู้ประกอบการที่มีรถบรรทุกหลายคันนิยมทำประกันภัยรถบรรทุกแบบกลุ่มมากกว่า เนื่องจากจะได้ส่วนลดที่สูงกว่ามาก ซึ่งสามารถเลือกความคุ้มครองแบบประกันภัย ชั้น 1 ถึง 3 ได้เหมือนรถเก๋งส่วนบุคคลทั่วไป
วิธีคำนวณความคุ้มค่าของการทำประกัน
จำนวนรถ x เบี้ยประกัน =
มูลค่ารถและทรัพย์สินที่บรรทุก (+ค่ารักษาพยาบาล+ความคุ้มครองต่อบุคคลภายนอก
ประเภทประกัน
|
มูลค่ารถของเรา
|
+ค่ารักษาพยาบาลคนขับ
|
+ความคุ้มครองต่อบุคคลภายนอก
|
ประกันชั้น 3
|
-
|
-
|
/
|
ประกันชั้น 2+
|
คุ้มครองเฉพาะรถเกิดเพลิงไหม้
|
/
|
/
|
ประกันชั้น 1
|
/
|
/
|
/
|
โดยภาพรวมแล้ว ประกันชั้น 3 จะจ่ายค่าซ่อมและความเสียหายแก่บุคคลภายนอก ซึ่งแต่ละบริษัทประกันภัยจะมีรายละเอียดความคุ้มครองและทุนประกันแตกต่างกัน และการเคลมค่าสินไหม ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง มักจะต้องแจ้งความและขึ้นศาล และศาลจะตัดสินให้บริษัทประกันภัยชดใช้ ตามการให้การอย่างเป็นธรรมของทั้ง 2 ฝ่ายครับ
หากผู้ประกอบการมีทุนเพียงพอจะจ่ายความคุ้มครองกับประกันภัย มักจะเลือกทำประกันภัยชั้น 1 ให้กับรถบรรทุก เนื่องจากให้ความคุ้มครองครบทุกอย่าง หากเกิดการสูญเสียช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายได้มาก ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาประกันภัยรถยนต์ ลองเปรียบเทียบจากหลาย ๆ เจ้าดูนะครับ
READ MORE :