ค่าสินไหมทดแทนกรณีรถชน คืออะไร เรียกร้องอย่างไร ประกันช่วยได้ไหม

    เมื่อเราขับรถบนท้องถนน อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ แม้ว่าเราจะระมัดระวังเพียงใดก็ตาม การมีประกันภัยรถยนต์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยแบ่งเบาภาระความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ทั้งต่อร่างกาย ทรัพย์สิน หรือแม้กระทั่งชีวิตของผู้ขับขี่และคู่กรณี ค่าสินไหมทดแทน คือสิทธิสำคัญที่ช่วยให้ผู้เอาประกันภัยหรือคู่กรณีได้รับการชดเชยในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน วันนี้พี่หมี TQM จะพาเพื่อนๆ ไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของค่าสินไหมทดแทนในประกันรถยนต์ กรณีไหนที่เรียกค่าสินไหม ขั้นตอนการเรียกร้อง รวมถึงคำถามที่หลายคนสงสัย เช่น ระยะเวลาในการรับเงิน หรือจำนวนเงินที่จะได้รับ เพื่อให้คุณสามารถจัดการกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมั่นใจกันครับ

---

📖 รวมไฮไลท์ เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจได้เลย

• ค่าสินไหมทดแทน คืออะไร
• กรณีใดที่เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากอุบัติเหตุรถชน
• ค่าสินไหมกับค่าทำขวัญ ต่างกันไหม?
• เอกสารที่ใช้ในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน กรณีเกิดรถชน
• ขั้นตอนการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนประกันรถยนต์
• ค่าสินไหมทดแทนกรณีรถชน ได้กี่บาท
• ค่าสินไหมทดแทนกรณีรถชน กี่วันถึงได้เงิน
• ถ้าไม่มีเงินจ่ายค่าสินไหมทดแทนทำอย่างไร?
• คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

---

ค่าสินไหมทดแทน คืออะไร

    ค่าสินไหมทดแทน คือ จำนวนเงินหรือค่าชดเชยที่บริษัทประกันภัยจ่ายให้กับผู้เอาประกันภัยหรือคู่กรณีที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ที่อยู่ในความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ เช่น ความเสียหายต่อทรัพย์สิน การบาดเจ็บ หรือการเสียชีวิต การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการดูแลผู้เอาประกันภัยในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด

กรณีใดที่เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากอุบัติเหตุรถชน

ค่าสินไหมทดแทนกรณีทรัพย์สินเสียหาย

    ในกรณีที่รถยนต์หรือทรัพย์สินของผู้เอาประกันหรือคู่กรณีได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ ค่าสินไหมทดแทนจะครอบคลุมถึง

 

• ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถยนต์
• ค่าชดเชยความเสียหายของทรัพย์สินอื่น เช่น เสาไฟฟ้า รั้วบ้าน

 

ค่าสินไหมทดแทนกรณีบาดเจ็บหรือป่วยไข้

    ในกรณีที่เกิดการบาดเจ็บ ผู้เอาประกันหรือคู่กรณีสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้ เช่น

 

• ค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาล
• ค่าชดเชยรายวันหากต้องหยุดงาน
• ค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูร่างกาย

 

ค่าสินไหมทดแทนกรณีเสียชีวิต

    หากเกิดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ค่าสินไหมทดแทนจะครอบคลุมถึง

 

• ค่าปลงศพ
• ค่าขาดรายได้ของครอบครัวผู้เสียชีวิต
• ค่าขาดแรงงานของผู้ที่เป็นผู้นำครอบครัว

 

 

ค่าสินไหมกับค่าทำขวัญ ต่างกันไหม?

    ค่าสินไหมทดแทน และ ค่าทำขวัญ เป็นคนละส่วนกัน แต่เกี่ยวข้องกันในกระบวนการชดเชย

 

• ค่าสินไหมทดแทน ครอบคลุมความเสียหายที่เป็นตัวเงิน เช่น ค่าซ่อมรถ ค่ารักษาพยาบาล
• ค่าทำขวัญ เป็นค่าชดเชยทางจิตใจหรือความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ เช่น ความเจ็บปวดจากการบาดเจ็บ

 

    โดยทั่วไป ค่าทำขวัญจะตกลงกันระหว่างคู่กรณีและไม่ใช่เงื่อนไขที่บังคับตามกฎหมายหรือกรมธรรม์ประกันภัย

 

เอกสารที่ใช้ในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน กรณีเกิดรถชน

    เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชน และต้องการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ควรเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่น ดังนี้

 

• สำเนาบัตรประชาชน ของผู้เอาประกันภัยและคู่กรณี (ถ้ามี)
• สำเนาทะเบียนรถยนต์ ของทั้งสองฝ่าย
• ใบรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือบันทึกประจำวัน
• สำเนากรมธรรม์ประกันภัย ของผู้เอาประกัน
• ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล (กรณีบาดเจ็บ)
• ภาพถ่ายจุดเกิดเหตุและความเสียหาย ของรถยนต์
• ใบเคลมจากบริษัทประกันภัย หรือแบบฟอร์มการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน

ขั้นตอนการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนประกันรถยนต์

    การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนไม่ใช่เรื่องยาก หากปฏิบัติตามขั้นตอน ดังนี้

 

1. แจ้งเหตุทันที

    เมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ที่อยู่ในความคุ้มครอง ให้แจ้งบริษัทประกันภัยทันที โดยระบุรายละเอียด เช่น

 

• วัน เวลา และสถานที่เกิดเหตุ
• รายละเอียดของคู่กรณีและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ (ถ้ามี)

 

2. เก็บหลักฐาน

    หลักฐานที่ควรจัดเตรียมเพื่อประกอบการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ได้แก่

 

• ใบรายงานเหตุการณ์จากตำรวจ
• ภาพถ่ายความเสียหายของรถยนต์และทรัพย์สิน
• ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลหรือค่าซ่อมแซมรถ

 

3. ยื่นคำร้อง

    นำเอกสารทั้งหมดส่งให้กับบริษัทประกันภัยเพื่อดำเนินการพิจารณา โดยบริษัทจะตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารและประเมินความเสียหาย

 

4. ติดตามผล

    หลังจากยื่นคำร้องแล้ว สามารถติดตามผลการพิจารณาได้ผ่านเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันภัย

 

ค่าสินไหมทดแทนกรณีรถชน ได้กี่บาท?

    จำนวนเงินที่ได้รับเป็น ค่าสินไหมทดแทนกรณีรถชน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับลักษณะของความเสียหายและกรมธรรม์ประกันภัยที่ถืออยู่ รายละเอียดมีดังนี้

 

ความเสียหายต่อทรัพย์สิน

    การประเมินจำนวนเงินจะขึ้นอยู่กับมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง เช่น ค่าซ่อมรถยนต์ ค่าซ่อมทรัพย์สินอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุ (เช่น เสาไฟ รั้วบ้าน หรือทรัพย์สินที่อยู่ในรถ) แต่หากคู่กรณีไม่มีประกันภัยหรือประกันไม่ครอบคลุมเต็มจำนวน ผู้เสียหายอาจต้องรับผิดชอบส่วนที่เกินวงเงินด้วยตนเอง

 

ความเสียหายต่อร่างกาย

• ค่ารักษาพยาบาลตามจริง
• ค่าชดเชยกรณีสูญเสียอวัยวะหรือการเสียชีวิต ตามเงื่อนไขของ พ.ร.บ. หรือกรมธรรม์

 

กรมธรรม์ที่ถืออยู่

• ประกันชั้น 1 คุ้มครองครอบคลุมทุกความเสียหาย
• ประกันชั้น 2+ หรือ 3+ คุ้มครองเฉพาะกรณีที่มีคู่กรณี
• ประกันชั้น 3 ให้ความคุ้มครองเฉพาะความเสียหายต่อคู่กรณี โดยไม่ครอบคลุมรถของผู้เอาประกันเอง

 

    โดยทั่วไปแล้ว บริษัทประกันจะจ่ายค่าสินไหมตามมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง แต่ต้องไม่เกินวงเงินความคุ้มครองในกรมธรรม์ เช่น

 

• ค่ารักษาพยาบาลอาจมีวงเงินจำกัดในบางกรณี เช่น ไม่เกิน 100,000 บาทต่อครั้ง
• ความเสียหายต่อทรัพย์สินอาจมีข้อกำหนดวงเงินสูงสุด เช่น 1,000,000 บาทต่อครั้ง

 

ตัวอย่างการคำนวณค่าสินไหมทดแทน

 

• หากรถยนต์ของคุณชนกับคู่กรณีและมีค่าซ่อมรถ 50,000 บาท แต่กรมธรรม์ของคุณมีวงเงินคุ้มครองทรัพย์สินสูงสุด 100,000 บาท คุณจะได้รับค่าชดเชยเต็มจำนวน 50,000 บาท
• หากค่ารักษาพยาบาลของคุณรวม 120,000 บาท แต่กรมธรรม์คุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท คุณจะต้องรับผิดชอบส่วนต่าง 20,000 บาทด้วยตัวเอง

 

ค่าสินไหมทดแทนกรณีรถชน กี่วันถึงได้เงิน

    ระยะเวลาที่ใช้ในการพิจารณาและชดใช้ค่าสินไหมทดแทนขึ้นอยู่กับความครบถ้วนของเอกสารและความซับซ้อนของคดี โดยทั่วไป

 

• หากเอกสารครบถ้วนและไม่มีข้อพิพาท บริษัทประกันภัยมักจะชำระเงินค่าสินไหมทดแทนภายใน 7-14 วัน หลังจากได้รับคำร้อง
• หากมีข้อพิพาท เช่น การโต้แย้งความรับผิดชอบหรือความล่าช้าจากการตรวจสอบ อาจใช้เวลา 30 วันขึ้นไป

ถ้าไม่มีเงินจ่ายค่าสินไหมทดแทนทำอย่างไร?

    หากคุณเป็นฝ่ายผิดในอุบัติเหตุและไม่มีเงินจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้คู่กรณี ไม่ต้องกังวล เพราะยังมีแนวทางจัดการที่ช่วยลดภาระได้ ดังนี้

 

ใช้สิทธิจากกรมธรรม์ประกันภัย

    หากคุณมีประกันภัย เช่น ประกันชั้น 1 หรือ 2+ บริษัทประกันภัยจะช่วยชดเชยค่าสินไหมทดแทนให้ในวงเงินคุ้มครองที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งครอบคลุมทั้งค่าซ่อมรถของคู่กรณีและค่ารักษาพยาบาล วิธีนี้ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายส่วนตัวได้มาก ดังนั้น การเลือกทำประกันที่ครอบคลุมจึงเป็นสิ่งสำคัญ

 

เจรจาผ่อนชำระ

    หากไม่มีประกันภัยหรือความเสียหายเกินวงเงินคุ้มครอง คุณสามารถเจรจาแบ่งจ่ายกับคู่กรณีได้ การทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร โดยระบุเงื่อนไขการผ่อนชำระอย่างชัดเจน จะช่วยสร้างความมั่นใจให้ทั้งสองฝ่าย

 

ขอความช่วยเหลือทางกฎหมาย

    หากไม่สามารถชดใช้ได้จริง อาจต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายเพื่อให้ศาลช่วยพิจารณาหาทางออก เช่น การปรับลดจำนวนเงินหรือการผ่อนชำระตามความสามารถของคุณ โดยคุณสามารถขอคำปรึกษาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค หรือทนายความ

 

คำถามที่พบบ่อย

ถ้าเป็นฝ่ายผิด ต้องจ่ายค่าสินไหมเองหรือไม่?

    หากคุณมี ประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือ 2+ บริษัทประกันจะเป็นผู้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้คู่กรณีตามวงเงินคุ้มครองที่ระบุในกรมธรรม์ ซึ่งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายส่วนตัวได้มาก แต่หากทำประกันชั้น 3 หรือไม่มีประกันเลย คุณจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดด้วยตนเอง

 

ถ้าไม่แจ้งตำรวจหลังเกิดเหตุ จะยังเรียกค่าสินไหมได้ไหม?

    การแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจถือเป็นหลักฐานสำคัญในการขอรับค่าสินไหม โดยเฉพาะเมื่อมีคู่กรณีหรือมีผู้บาดเจ็บ เพราะใบรายงานจากตำรวจจะใช้ประกอบการเคลมประกัน หากไม่แจ้ง อาจทำให้ขั้นตอนล่าช้าหรือถูกปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมได้

 

ถ้าไม่พอใจกับจำนวนค่าสินไหมที่บริษัทประกันจ่าย ทำอย่างไรได้บ้าง?

    หากเห็นว่าจำนวนเงินค่าสินไหมไม่เป็นธรรม คุณสามารถยื่นเรื่องอุทธรณ์หรือร้องเรียนต่อ คปภ. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและช่วยไกล่เกลี่ยระหว่างคุณกับบริษัทประกันได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

 

    ค่าสินไหมทดแทนประกันรถยนต์ เป็นสิทธิสำคัญที่ช่วยบรรเทาความเสียหายจากอุบัติเหตุ ทั้งในแง่ทรัพย์สิน การบาดเจ็บ หรือการสูญเสียชีวิต การมีประกันรถยนต์ที่ครอบคลุมไม่เพียงช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น แต่ยังช่วยให้กระบวนการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว การเข้าใจสิทธิและเลือกกรมธรรม์ที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยให้คุณมั่นใจได้ในทุกการเดินทาง หากคุณต้องการเช็คเบี้ยประกันภัยหรือมองหาประกันรถยนต์ที่ครอบคลุมทุกสถานการณ์ คลิกที่ เช็คเบี้ยประกันภัยรถยนต์ หรือโทร Hotline 1737 เรายินดีให้คำปรึกษาและบริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยให้คุณเดินทางอย่างมั่นใจและไร้กังวล!