ค่า Deductible ประกันรถคืออะไร จ่ายเท่าไหร่ถึงจะคุ้ม

     ในการซื้อประกันรถยนต์ หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า ค่า deductible หรือ ค่าเสียหายส่วนแรก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อเบี้ยประกันที่คุณต้องจ่ายในแต่ละปี ทำให้หลายคนอาจจะกำลังสงสัยว่า ค่า Deductible มันคืออะไร ต้องจ่ายเท่าไร และมีผลอย่างไรต่อความคุ้มครอง วันนี้พี่หมี TQM มีคำตอบมาฝากครับ

ค่า Deductible ประกันรถคืออะไร

     ค่า deductible หรือ ค่า deduct (ดีดัก) คือ จำนวนเงินที่ผู้ทำประกันต้องรับผิดชอบจ่ายก่อน เมื่อเกิดเหตุการณ์เคลมประกันแต่ละครั้ง โดยที่บริษัทประกันจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนที่เหลือหลังจากหักค่า deductible ไปแล้ว โดยส่วนใหญ่จะเลือกจ่ายตั้งแต่ 1,000 - 5,000 บาท

 

     ยกตัวอย่างง่ายๆ หากค่าเสียหายที่ต้องเคลมคือ 10,000 บาท และคุณเลือกค่า deductible ไว้ที่ 3,000 บาท หมายความว่า คุณต้องจ่ายเงินเองก่อน 3,000 บาท ส่วนอีก 7,000 บาทที่เหลือบริษัทประกันจะรับผิดชอบให้ทั้งหมด

 

ความแตกต่างของค่า Deductible กับค่า Excess

หลายคนอาจจะยังสับสนระหว่างค่า Deductible กับค่า Excess สองคำนี้ คือค่าเสียหายส่วนแรก แต่มีข้อที่แตกต่างกัน ดังนี้

 

• ค่า deductible คือ ค่าเสียหายที่ต้องจ่ายทุกครั้งเมื่อเคลมประกัน ตามที่ตกลงไว้ล่วงหน้าในกรมธรรม์
• ค่า excess คือ ค่าเสียหายส่วนแรกที่จ่ายเฉพาะในกรณีที่ผู้ทำประกันเป็นฝ่ายผิดหรือไม่สามารถระบุคู่กรณีได้

 

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ความแตกต่างของค่า Deductible กับค่า Excess 

ค่า Deductible ควรเลือกจ่ายเท่าไรถึงคุ้ม

     การเลือกค่า deductible ให้คุ้มค่าที่สุด ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ลักษณะการใช้งานรถ ความถี่ในการขับขี่ และพฤติกรรมการขับรถ โดยสามารถพิจารณาจากประเด็นต่อไปนี้

 

1. พิจารณาพฤติกรรมการขับรถของตัวเอง

     หากคุณเป็นคนขับรถบ่อย ขับเร็ว หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่ออุบัติเหตุ แนะนำให้เลือกค่า deductible ที่ต่ำหรือเลือกแบบไม่มี deductible เพื่อความปลอดภัยและไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดเหตุบ่อยๆ แต่ถ้าคุณขับขี่ไม่บ่อย ขับรถอย่างระมัดระวัง และไม่ค่อยเกิดเหตุ อาจเลือกค่า deductible สูงขึ้น เช่น 3,000-5,000 บาท เพื่อประหยัดค่าเบี้ยประกันต่อปี

 

2. พิจารณาสถานะการเงินของตัวเอง

     หากมีความมั่นคงทางการเงินสูง การเลือก deductible สูงขึ้นจะทำให้ได้เบี้ยประกันที่ถูกลงในระยะยาว ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเบี้ยประกันได้ ในทางกลับกัน หากสถานะการเงินไม่มั่นคงมาก การเลือก deductible ต่ำหรือไม่มี deductible เลยอาจจะเหมาะสมกว่า เพื่อไม่ให้เป็นภาระหนักในการจ่ายแต่ละครั้งที่ต้องเคลม

 

3. คำนวณความถี่ในการเคลมที่คาดไว้

     การคาดการณ์จำนวนครั้งในการเคลมต่อปี ช่วยในการตัดสินใจเลือกค่า deductible ได้ หากคิดว่าคุณมีโอกาสเคลมประกันน้อย การเลือก deductible สูงจะช่วยลดเบี้ยประกัน แต่หากคิดว่ามีโอกาสต้องเคลมบ่อย ควรเลือก deductible ต่ำหรือไม่มีเลย จะคุ้มค่ากว่าในระยะยาว

 

ตัวอย่างการค่า Deductible ให้คุ้มค่า

พฤติกรรมขับขี่	ค่า Deductible ที่แนะนำ	เหตุผล
ขับรถน้อย ใช้รถไม่บ่อย	3,000 – 5,000 บาท	ช่วยลดเบี้ยประกันได้มาก เพราะโอกาสเกิดอุบัติเหตุน้อย
ขับรถทางไกลบ่อย มีประสบการณ์สูง	2,000 – 3,000 บาท	รับความเสี่ยงได้ระดับหนึ่ง เพื่อลดค่าเบี้ย
มือใหม่ ขับในเมือง รถติด	0 – 1,000 บาท	ความเสี่ยงชนสูง ควรลดค่า deductible ไว้ก่อนเพื่อความคุ้มครองเต็มที่

ข้อดีของการเลือกค่า Deductible

• ประหยัดค่าเบี้ยประกัน : หากคุณเลือกจ่าย deductible มากขึ้น เบี้ยประกันจะลดลงเฉลี่ย 5-15%
• เหมาะกับคนไม่ค่อยเคลม : เหมาะสำหรับผู้ที่มั่นใจว่าปีนั้นๆ จะไม่มีอุบัติเหตุ
• มีตัวเลือกหลายระดับ : บริษัทประกันมีให้เลือกหลายระดับ เช่น 1,000 / 2,000 / 5,000 บาท

 

ข้อเสียของการเลือกค่า Deductible 

• • ต้องสำรองเงินสด : หากเกิดเหตุ คุณต้องจ่ายเงินส่วนนี้ก่อนเคลมทุกครั้ง
  • เคลมบ่อยไม่คุ้ม : ถ้าเคลมบ่อย ค่า deductible ที่ต้องจ่ายเองหลายครั้งอาจแพงกว่าค่าเบี้ยที่ประหยัดไว้ตอนแรก

 

     ค่า deductible ถือเป็นตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อเบี้ยประกันรถยนต์โดยตรง ยิ่งเลือก deductible สูง เบี้ยก็ยิ่งถูก แต่คุณก็ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายบางส่วนเองเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง ดังนั้นควรประเมินพฤติกรรมการขับขี่ ความเสี่ยง และงบประมาณอย่างรอบคอบด้วยนั่นเอง 

     และสำหรับใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ ไว้ดูแลรถคุณสามารถเปรียบเทียบแผนประกันรถยนต์จากบริษัทประกันชั้นนำ ก่อนตัดสินใจ เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่คุ้มและตรงความต้องการที่สุด สนใจกรอกข้อมูลด้านล่างเพื่อค้นหาแผนประกันภัย หรือหากต้องการปรึกษาเรื่องประกันภัยกับ TQM สามารถแชทกับพี่หมีได้ที่นี่ หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ผ่านเบอร์ Hotline 1737 ตลอด 24 ชั่วโมงครับ