29/07/68

|

อ่านแล้ว 135 ครั้ง

จังหวัดที่น้ำไม่ท่วม ในอนาคต มีจริงไหม ดูจากอะไรได้บ้าง

    เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน หลายพื้นที่ในประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วมซ้ำซาก บางแห่งกลายเป็นจุดเสี่ยงที่ประชาชนต้องอพยพออกจากบ้านอยู่เป็นประจำ ส่งผลให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า “มีจังหวัดที่น้ำไม่ท่วมเลยบ้างไหม” โดยเฉพาะผู้ที่วางแผนจะซื้อบ้านหลังใหม่ หรือย้ายถิ่นฐานไปอยู่ในจังหวัดที่ปลอดภัยกว่า วันนี้พี่หมี TQM จะพาคุณไปหาคำตอบว่า จังหวัดที่น้ำไม่ท่วมในอนาคตมีจริงหรือไม่ พร้อมชี้แนะแนวทางดูทำเลเสี่ยงต่ำ และสิ่งที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน เพื่อความมั่นใจและอุ่นใจในระยะยาว

 

ทำไมคำว่า “จังหวัดที่น้ำไม่ท่วม” ถึงกลายเป็นประเด็นที่หลายคนอยากรู้

    จากประสบการณ์จริงของคนไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศเผชิญกับเหตุการณ์น้ำท่วมขนาดใหญ่หลายครั้ง บางปีรุนแรงจนกลายเป็น “น้ำท่วมประวัติศาสตร์” ไม่ว่าจะเป็นจากฝนตกหนัก พายุเข้า น้ำทะเลหนุน หรือระบบระบายน้ำไม่เพียงพอ ทำให้คนจำนวนไม่น้อยเริ่มมองหาทำเลใหม่ที่ปลอดภัยกว่า โดยเฉพาะจังหวัดที่ไม่เคยมีข่าวน้ำท่วม หรือมีความเสี่ยงต่ำมากที่สุด เพื่อป้องกันความเสียหายต่อทรัพย์สินและสุขภาพจิต

 

จังหวัดที่น้ำไม่ท่วม มีจริงไหม?

    ในความเป็นจริง ไม่มีจังหวัดไหนในประเทศไทยที่ปลอดน้ำท่วมโดยสิ้นเชิงตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยธรรมชาติเกิดขึ้นอย่างไม่แน่นอน ทั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ (Climate Change) ฝนตกหนักเฉียบพลัน น้ำป่าไหลหลาก หรือโครงสร้างผังเมืองที่ขยายโดยไม่มีการรองรับการระบายน้ำที่ดีพอ

 

ไม่มีจังหวัดใด “ปลอดภัย 100%”
แต่สามารถเลือกพื้นที่เสี่ยงต่ำได้

 

    อย่างไรก็ตาม เราสามารถเลือกพื้นที่ที่ เสี่ยงต่อน้ำท่วมน้อยกว่า ได้ โดยดูจากข้อมูลประวัติย้อนหลัง ภูมิประเทศ ระดับความสูง และระบบจัดการน้ำในพื้นที่นั้น ๆ

จังหวัดที่น้ำไม่ท่วม มีจริงไหม?

จังหวัดที่น้ำไม่ท่วม หรือเสี่ยงต่ำ มีที่ไหนบ้าง

    แม้หลายคนเคยเข้าใจว่าบางจังหวัดในภาคเหนือหรืออีสานเสี่ยงต่อน้ำท่วมน้อย แต่รายงานข่าวจากสื่อหลักในช่วงปี 2566–2568 กลับพบว่า แม้จังหวัดที่เคยปลอดภัย ก็เริ่มเผชิญกับน้ำท่วมรุนแรงเช่นกัน

 

ข้อมูลจากข่าวจริงล่าสุด

  • น่าน เคยถูกมองว่าเป็นพื้นที่ดอยสูงเสี่ยงต่อน้ำท่วมน้อย แต่ในปี 2567–2568 มีรายงานจาก กรุงเทพธุรกิจ ว่าเกิดน้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ 70 ปีในบางพื้นที่

  • เชียงราย ประสบกับ “น้ำท่วมประวัติศาสตร์” ที่รุนแรงที่สุดในรอบ 40–50 ปีจากฝนตกหนักและน้ำจากฝั่งลาว (Thai Examiner)

  • แม่ฮ่องสอน แม้เป็นภูเขาสูง แต่บางพื้นที่ก็เผชิญน้ำป่าไหลหลากในฤดูฝนจากการสะสมของฝนต่อเนื่องหลายวัน

  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น นครราชสีมา ขอนแก่น และบุรีรัมย์ แม้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแล้ว แต่ยังมีรายงานน้ำท่วมเฉพาะจุดในปี 2566–2567 จากฝนตกหนัก

 

เหตุผลที่ไม่มีจังหวัดปลอดน้ำท่วม 100%

  • ภัยธรรมชาติเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เช่น ฝนตกเฉียบพลัน หรือพายุเข้าในจุดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

  • การเปลี่ยนแปลงของภูมิประเทศ เช่น การตัดไม้ทำลายป่า การถมที่ การขยายตัวของเมือง

  • โครงสร้างระบายน้ำยังไม่ทั่วถึง แม้บางจังหวัดจะมีระบบที่ดีในเขตเมือง แต่พื้นที่รอบนอกยังขาดการบริหารจัดการ

 

วิธีเช็กว่าพื้นที่ไหนเสี่ยงน้ำท่วมน้อย

    แม้จะไม่มีจังหวัดที่ปลอดน้ำท่วม 100% แต่เรายังสามารถเลือกพื้นที่ที่ มีความเสี่ยงต่ำกว่า ได้ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่อไปนี้

 

1. ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล

    พื้นที่ที่สูงจากระดับน้ำทะเลมากกว่า 150 เมตร เช่น พื้นที่บนดอย หรือจังหวัดที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูง มีโอกาสเกิดน้ำขังน้อยกว่า

 

2. แผนที่พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมย้อนหลัง

    สามารถดูข้อมูลได้จากหน่วยงานต่อไปนี้

 

  • เว็บไซต์ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

  • แผนที่ดาวเทียมจาก GISTDA

  • รายงานข่าวน้ำท่วมย้อนหลังจากกรมอุตุนิยมวิทยา

 

3. สภาพโครงสร้างพื้นฐาน

  • ดูว่าพื้นที่มีคลองระบายน้ำหรือไม่

  • ดูว่าพื้นที่มีประตูระบายน้ำหรือเขื่อนใกล้เคียงไหม

  • ดูว่าพื้นที่มีระบบท่อระบายน้ำออกสู่แม่น้ำหลักมีประสิทธิภาพเพียงใด

 

4. ความหนาแน่นของชุมชน

    พื้นที่ที่มีการพัฒนาแบบไร้ทิศทาง อาจขาดระบบระบายน้ำที่ดี และเสี่ยงน้ำท่วมสูงกว่าพื้นที่ที่มีการวางผังเมืองอย่างมีระบบ

วิธีเช็กว่าพื้นที่ไหนเสี่ยงน้ำท่วมน้อย

ซื้อบ้านใหม่ยังไงให้ปลอดภัยจากน้ำท่วม

    การเลือกซื้อบ้านใหม่ในยุคที่สภาพอากาศแปรปรวนกลายเป็นเรื่องที่ต้องคิดให้รอบด้าน โดยเฉพาะประเด็น “น้ำท่วม” ที่ไม่ได้เกิดแค่ในพื้นที่ราบลุ่มอีกต่อไป เพราะปัจจุบันฝนตกหนักเพียง 1-2 วันก็อาจทำให้เกิดน้ำท่วมขังได้แล้ว ดังนั้น หากคุณไม่อยากเสี่ยงซ่อมบ้านทุกปี หรือย้ายของหนีน้ำแทบทุกฤดู ควรพิจารณาหลักเกณฑ์เหล่านี้อย่างจริงจังก่อนตัดสินใจซื้อบ้านใหม่

 

1. ตรวจสอบประวัติน้ำท่วมย้อนหลังของพื้นที่นั้น

    ก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน ควรหาข้อมูลว่าพื้นที่นั้น เคยน้ำท่วมบ่อยไหม หรือเคยเป็นพื้นที่เสี่ยงในแผนที่น้ำท่วมของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) หรือไม่ โดยอาจเช็กจาก

 

  • แผนที่น้ำท่วมย้อนหลังจากเว็บไซต์ของ GISTDA

  • ข่าวน้ำท่วมในพื้นที่จากสำนักข่าวท้องถิ่น

  • คุยกับชาวบ้านหรือเจ้าหน้าที่อสังหาฯ ในพื้นที่จริง

 

    หากพบว่าโครงการบ้านที่สนใจ ตั้งอยู่ในพื้นที่เคยท่วมซ้ำซาก หรืออยู่ใกล้แม่น้ำ ลำคลอง หรือเขตลุ่มน้ำ ควรพิจารณาให้รอบคอบ หรือเลี่ยงไปเลือกทำเลอื่นที่ปลอดภัยกว่า

 

2. เลือกบ้านที่ถมดินสูงกว่าถนนหรือมีระดับพื้นที่สูงกว่าพื้นที่โดยรอบ

    ระดับความสูงของตัวบ้านเป็นอีกหนึ่งเกณฑ์ที่สำคัญอย่างมาก หากบ้านถมต่ำกว่าถนน น้ำจากภายนอกสามารถไหลเข้าบ้านได้ง่ายมาก โดยเฉพาะฝนตกหนักติดต่อกันเกิน 1 ชั่วโมง

 

ข้อแนะนำ

  • บ้านควรถมดินสูงกว่าถนนอย่างน้อย 50 เซนติเมตร

  • ถ้ามีงบประมาณ ควรเลือกบ้านที่ยกพื้นสูง หรือแบบบ้านที่ชั้นล่างเป็นพื้นที่โล่งใต้ถุน

  • หลีกเลี่ยงบ้านริมคลองหรือในซอยที่น้ำเคยท่วมเข้าบ้านมาก่อน

 

3. สำรวจระบบระบายน้ำของหมู่บ้านหรือโครงการให้ดี

แม้ทำเลจะปลอดภัย แต่ถ้าโครงการไม่มีการวางระบบระบายน้ำที่ดีพอ ก็ยังเสี่ยงน้ำท่วมเฉพาะจุดได้ง่ายมาก ควรสังเกตสิ่งต่อไปนี้

 

  • มีท่อระบายน้ำหรือรางระบายน้ำรอบโครงการหรือไม่

  • มีบ่อพักหรือบ่อหน่วงน้ำไหม

  • โครงการมีการวางแผนรองรับน้ำฝนหรือระบบกันน้ำย้อนกลับหรือเปล่า

  • ตรวจสอบว่าพื้นที่นั้นอยู่ในแผนงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของจังหวัดหรือไม่ (เช่น มีคลองระบายน้ำใหม่จากกรมชลประทาน)

 

4. เลือกบ้านที่อยู่ในทำเล “เสี่ยงต่ำน้ำท่วม” โดยดูจากลักษณะภูมิประเทศ

    การเลือกทำเลถือเป็นหัวใจหลักของการลดความเสี่ยงน้ำท่วม บ้านที่อยู่ในพื้นที่สูง เช่น ที่ราบสูง หรือบนเนินเขา มักมีน้ำระบายได้ดีกว่าพื้นที่ราบลุ่ม หรือโซนที่เป็นแอ่งกระทะ

 

ตัวอย่างลักษณะทำเลเสี่ยงต่ำ

  • โซนฝั่งถนนหลัก ไม่อยู่ในซอยลึกหรือท้ายซอย

  • เขตเมืองใหม่ที่มีผังเมืองดี เช่น เขต Smart City หรือโครงการพัฒนาเมืองในจังหวัดใหญ่

  • หลีกเลี่ยงพื้นที่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก หรือแม่น้ำยม ที่ขึ้นชื่อเรื่องท่วมซ้ำซาก

 

5. พิจารณาทำประกันบ้านที่คุ้มครองภัยน้ำท่วมไว้ตั้งแต่ต้น

    แม้ว่าคุณจะเลือกทำเลดี มีระบบระบายน้ำเยี่ยม และไม่เคยท่วมมาก่อน ก็อย่าลืมว่า ไม่มีใครรับประกันได้ว่าอนาคตจะไม่มีพายุหรือฝนตกหนักผิดปกติอีก

 

    การทำประกันบ้านที่ครอบคลุมความเสียหายจากน้ำท่วม ไม่ใช่แค่คุ้มครองโครงสร้างบ้านเท่านั้น แต่ยังช่วยแบ่งเบาภาระค่าซ่อมแซม และคุ้มครองทรัพย์สินภายใน เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ ได้อีกด้วย

ซื้อบ้านใหม่ยังไงให้ปลอดภัยจากน้ำท่วม

    จังหวัดที่น้ำไม่ท่วม มีจริงไหม คำตอบคือ ไม่มีจังหวัดไหนปลอดน้ำท่วม 100% จากข้อมูลข่าวสารย้อนหลังและปัจจุบัน พบว่าทุกจังหวัดในประเทศไทยล้วนมีประสบการณ์น้ำท่วมมากน้อยต่างกันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศ ปริมาณฝน และการจัดการน้ำในแต่ละพื้นที่

 

    อย่างไรก็ตาม แม้คุณจะเลือกบ้านในจังหวัดที่น้ำไม่ท่วมแล้ว แต่สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ เช่น ฝนตกหนักเฉียบพลัน น้ำป่าไหลหลาก หรือการระบายน้ำไม่ทัน ก็อาจทำให้เกิดเหตุไม่คาดคิดได้ การเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้าด้วยการทำประกันบ้านที่คุ้มครองน้ำท่วมและภัยธรรมชาติ จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีลดความเสี่ยงที่ควรพิจารณา สำหรับใครที่อยากรู้ว่าบ้านของคุณต้องจ่ายค่าเบี้ยเท่าไหร่ หรือมีแผนไหนเหมาะกับทำเลที่คุณอยู่ ลองเข้าไปเช็กเบี้ยประกันบ้านกับ TQM หรือโทรปรึกษาเรื่องประกันภัยโทร 1737 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

เช็คราคาแผนประกัน

กรอกข้อมูลเพื่อค้นหาแผนประกัน

รายละเอียดที่อยู่อาศัย

เลือกประเภทที่อยู่อาศัย *

บ้านเดี่ยว

บ้านแฝด

ทาวน์โฮม

คอนโด

ตึกแถว

โครงสร้างบ้าน *

จำนวนชั้น *

ลักษณะการใช้งานบ้าน *

ตำแหน่งบ้านของคุณ *

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง