เช็คราคาแผนประกัน
กรอกข้อมูลเพื่อค้นหาแผนประกัน
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ *
นามสกุล *
เบอร์โทรศัพท์มือถือ *
|
อ่านแล้ว 1,489 ครั้ง
อย่างที่เรารู้กันดีว่ารถยนต์ไฟฟ้าทำงานด้วยพลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน โดยมีแบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงาน รถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปวิ่งได้ไกลประมาณ 300-500 กิโลเมตรต่อการชาร์จแบตเตอรีเต็ม 1 ครั้ง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับรุ่นรถ ขนาดแบตเตอรี่รถ ฯลฯ ซึ่งหากต้องขับในระยะทางที่ไกล อาจจะต้องจอดหาจุดชาร์จรถไฟฟ้า เพื่อป้องกันแบตเตอรี่หมดระหว่างทาง แต่ถ้าแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า หมดระหว่างทาง จะต้องทำอย่างไร วันนี้พี่หมี TQM มีคำตอบมาฝากครับ
สิ่งแรกเลยคือการต้องตั้งสติ และใจเย็นๆ ซึ่งระบบการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้าหากแบตเตอรี่รถยนต์เหลือน้อย จะมีการส่งสัญญาณแจ้งเตือนให้ผู้ขับได้รับรู้ หากเราได้ยินเสียงสัญญาณให้จอดรถเข้าข้างทางก่อนเป็นอันดับแรก
จากนั้นให้เราทำการตรวจเช็กที่หน้าปัดรถยนต์ว่าเปอร์เซ็นต์ของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเหลืออยู่เท่าไหร่ และวิ่งได้ระยะทางกี่กิโลเมตร ถ้าหากเหลือระยะทางน้อยควรรีบหาจุดชาร์จทันที และหาข้อมูลจุดบริการที่ชาร์จรถไฟฟ้าว่าอยู่ในระแวกที่เราอยู่หรือไม่
เมื่อเราเจอจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว ก่อนขับไปยังจุดชาร์จให้เราใช้โหมดประหยัดพลังงาน โดยการปิดแอร์ และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานไฟฟ้า ให้สามารถขับรถไปถึงยังจุดชาร์จได้
หากแบตเตอรี่หมดจนเหลือ 0% ไม่สามารถที่จะขับรถไปต่อได้ ให้เราโทรติดต่อบริการรถยกหรือบริการฉุกเฉินของผู้ผลิตรถยนต์ หรือแจ้งทางบริษัทประกันภัยที่ได้ทำไว้ เพื่อขอให้มายกรถพาไปยังสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าใกล้ที่สุด และนอกจากนี้ในรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นจะมีปุ่ม Emergency Call เพื่อโทรขอความช่วยเหลือในการส่งรถยกฉุกเฉินมาช่วยอีกด้วย
ข้อมูลจาก : EVolt Thailand
แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยทั่วไปมีอายุการใช้งานประมาณ 8-10 ปี อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่แน่นอนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเช่น รุ่นของรถยนต์ไฟฟ้า, ประเภทของแบตเตอรี่, ลักษณะวิธีการใช้งาน, สภาพแวดล้อม, และการดูแลรักษา เป็นต้น หากแบตเตอรี่เริ่มแสดงอาการว่ามีปัญหา หรือประสิทธิภาพลดลง เช่น การชาร์จแล้วไม่จ่ายไฟเต็ม อาจจะต้องทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าใหม่นั้นเอง
และนี่ก็เป็นข้อควรรู้หากแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าหมดระหว่างทาง โดยควรพยายามรักษาระดับแบตเตอรี่ให้อยู่ระหว่าง 20% ถึง 80% ไม่ควรใช้งานจนแบตเตอรี่รถเหลือ 0% แล้วถึงชาร์จ เพราะจะทำให้แบตเตอรี่ทำงานหนักขึ้น เสี่ยงทำแบตเตอรี่เสื่อมได้ไวขึ้นอีกด้วย และไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์ธรรมดา ก็ควรที่จะมีประกันรถยนต์ไว้ดูแลรถคุณ ช่วยคุ้มครองทั้งรถและคุณจากเหตุไม่คาดฝัน หากสนใจสามารถเช็คราคาประกันรถยนต์ จากบริษัทประกันชั้นนำ กับเราได้ คลิกที่นี่ หรือโทรสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1737 ตลอด 24 ชั่วโมงครับ
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ *
นามสกุล *
เบอร์โทรศัพท์มือถือ *