เช็คราคาแผนประกัน
กรอกข้อมูลเพื่อค้นหาแผนประกัน
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ *
นามสกุล *
เบอร์โทรศัพท์มือถือ *
|
อ่านแล้ว 45,280 ครั้ง
เมื่อพูดถึง "เลขตัวถังรถยนต์" หลายคนอาจเคยเห็นผ่านหูผ่านตาเวลาต่อภาษีรถ ขายโอนรถ หรือทำประกันภัย แต่เคยสงสัยกันไหมว่าเลขตัวถังรถยนต์คืออะไร? มีกี่หลัก? อยู่ตรงไหน? และสามารถใช้เช็ครุ่นรถหรือข้อมูลอื่น ๆ ได้แค่ไหน? วันนี้พี่หมี TQM จะพาไปหาคำตอบแบบครบทุกประเด็น พร้อมเปรียบเทียบให้ชัด ๆ ว่า เลขตัวถัง กับเลขเครื่องยนต์ ต่างกันยังไง
เลขตัวถังรถ หรือ VIN (Vehicle Identification Number) คือรหัสประจำตัวของรถแต่ละคันที่ไม่ซ้ำกันทั่วโลก จะมีตัวอักษรภาษาอังกฤษและตัวเลขอยู่ด้วยกันทั้งหมด 17 หลัก และเหตุผลที่รถยนต์แต่ละคันมีเลขตัวถังรถที่แตกต่างกันออกไป นั่นก็เพราะว่า จะบอกพื้นที่การผลิต บริษัทผู้ผลิต รูปแบบตัวถัง โรงงานที่ประกอบ ที่แตกต่างกันไป เลขตัวถังรถแต่ละคันจะมีไว้เพื่อเป็นการบอกรายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์คันนั้น โดยตัวเลขถังรถจะตรงกับเล่มทะเบียนรถยนต์ ซึ่งเลขตัวถัง 17 หลักนี้จะถูกใช้ในช่วงต่อภาษีประจำปี ขายโอนรถ หรือแม้แต่แจ้งเคลมประกันรถยนต์กับบบริษัทประกันเองต่างต้องใช้เลขตัวถังรถ พูดง่าย ๆ ก็คือ เลขตัวถังรถยนต์เปรียบได้กับเลขบัตรประชาชนของรถ ที่จะติดตัวรถคันนั้นตลอดอายุการใช้งาน
หลักที่ 1 : บอกให้รู้ถึงภูมิภาคที่ผลิตรถคันนั้นขึ้น ดังนี้
หลักที่ 2-3 : บอกให้รู้ถึงบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ เช่น M8 หมายถึง มาสด้าประเทศไทย, R0 หมายถึง โตโยต้าประเทศไทย, RH หมายถึง ฮอนด้าประเทศไทย ฯลฯ
หลักที่ 4-8 : บอกให้รู้ถึงรายละเอียดของตัวรถ เช่น รูปแบบตัวถัง, ระบบเกียร์, รุ่นย่อย เป็นต้น โดยแต่ละคันตัวเลขแตกต่างกันไปตามที่ผู้ผลิตกำหนด
หลักที่ 9 : ตัวเลขสำหรับยืนยันว่าไม่ใช่ VIN ปลอม มีรูปแบบการคำนวณที่ซับซ้อน เพื่อป้องกันการปลอมแปลงเลขประจำตัวรถ
หลักที่ 10 : จะบอกปีที่ผลิตรถคันนั้นออกมา โดยเริ่มนับจากปี 1980 ที่มีการใช้เลข VIN 17 ครั้งแรก
หลักที่ 11 : บอกถึงโรงงานที่ประกอบรถคันนั้น ๆ
หลักที่ 12-17 : เลข 6 หลักสุดท้าย
คือเลขคัสซี (Chassis Number) เป็นตัวเลขที่รันตามสายผลิต (Serial number) ทำให้รถแต่ละคันมีเลข VIN แตกต่างกันไป กล่าวง่าย ๆ ก็คือ ตัวเลข 11 หลักก่อนหน้าสามารถเหมือนกันได้ แต่ตัวเลข 6 หลักสุดท้ายจะแตกต่างกันไป ไม่เหมือนกันสักคัน (ข้อมูลจาก khaorot)
ขอบคุณภาพจาก : visa-autoshop
หลายคนอาจยังไม่แน่ใจว่าเลขตัวถังรถยนต์อยู่ตรงไหนบ้าง ซึ่งตำแหน่งจะต่างกันไปตามยี่ห้อและรุ่นของรถ แต่โดยทั่วไปแล้วสามารถพบได้ที่
ใต้กระจกหน้ารถฝั่งคนขับ (มองจากด้านนอก)
ผนังด้านในห้องเครื่อง (ฝั่งใกล้กระจกหน้า)
แก้มบังโคลนหน้า
เสากลางฝั่งประตูคนขับ
ขอบประตูด้านใน
ใต้พรมฝั่งคนขับ
แผงหน้าปัด (บางรุ่น)
คู่มือรถ
เล่มทะเบียนรถ
แผ่น พ.ร.บ. รถยนต์
ปัจจุบันมี โปรแกรมเช็คเลขตัวถังรถ หรือเว็บไซต์ออนไลน์ที่ช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบข้อมูลรถจาก VIN ได้ โดยใช้เพียงเลข 17 หลักเท่านั้น ก็สามารถดูรายละเอียดได้ ดังนี้
รุ่นรถ / ปีที่ผลิต
ประเทศและโรงงานประกอบ
สเปกเครื่องยนต์
ประวัติการซ่อม/อุบัติเหตุ (ในบางระบบ เช่น Carfax)
เช็คว่าเคยเป็นรถจดประกอบหรือไม่
เว็บไซต์ผู้ผลิตรถยนต์บางแห่งก็มีระบบตรวจสอบเฉพาะแบรนด์
หากคุณต้องการ เช็ครุ่นรถจากเลขตัวถัง (เช่น รุ่นย่อย, ปีที่ผลิต, เครื่องยนต์ ฯลฯ) วิธีง่ายที่สุดคือ
ใช้เว็บไซต์เช็ค VIN
ปรึกษาศูนย์บริการรถยนต์ของแบรนด์นั้น ๆ
ดูข้อมูลจากคู่มือรถ / เล่มทะเบียน
ป้องกันการซื้อขายรถผิดรุ่น
ตรวจสอบความถูกต้องของรถมือสอง
เช็คว่าสเปกรถตรงกับกรมธรรม์ประกันภัยหรือไม่
แม้หลายคนจะเข้าใจว่าเลขตัวถังและเลขเครื่องยนต์เป็นอันเดียวกัน แต่อันที่จริงแล้ว เป็นคนละรหัสกัน โดยมีหน้าที่ต่างกันดังนี้
รายการ | รายละเอียด |
เลขตัวถัง | มี 17 หลัก ใช้ระบุตัวรถทั้งหมด |
เลขเครื่องยนต์ | รหัสของเครื่องยนต์เท่านั้น มีรูปแบบแตกต่างกันตามแบรนด์ และระบุเฉพาะเครื่องยนต์ สามารถเปลี่ยนได้ |
ไม่ใช่อันเดียวกันแน่นอน ถึงแม้ว่าเลขตัวถังจะบอกถึงสเปกรถโดยรวม แต่เลขเครื่องยนต์จะใช้สำหรับระบุตัวเครื่องยนต์โดยเฉพาะ เช่น กรณีเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ (เปลี่ยนเฉพาะเครื่อง) เลขตัวถังจะยังคงเดิม หรือเวลาทำประกันรถ บริษัทจะขอทั้งสองเลข เพื่อระบุความถูกต้องของรถและเครื่องยนต์
หากคุณมีรถยนต์ ไม่ว่าจะใหม่หรือมือสอง การรู้ว่า เลขตัวถังรถยนต์อยู่ตรงไหน เลขตัวถังรถยนต์มีกี่หลัก และสามารถใช้โปรแกรมเช็คเลขตัวถังรถเพื่อดูข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างไร ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเลขตัวถังช่วยให้คุณรู้จักรถของตัวเองมากขึ้น ทั้งด้านประวัติ ปีผลิต โรงงานประกอบ และยังช่วยให้คุณ เช็ครุ่นรถจากเลขตัวถัง ได้อย่างแม่นยำอีกด้วย
การเข้าใจว่าเลขตัวถังรถยนต์อยู่ตรงไหน มีหน้าที่อะไร และต่างจากเลขเครื่องยนต์อย่างไร ถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่เจ้าของรถควรรู้ เพราะนอกจากจะใช้ในงานเอกสารต่าง ๆ แล้ว ยังมีผลต่อความถูกต้องของข้อมูลในการทำประกันรถยนต์ด้วยเช่นกัน หากคุณกำลังวางแผนจะทำประกันรถใหม่ หรืออยากเช็กว่าประกันเดิมของคุณคุ้มครองครบหรือไม่ พี่หมี TQM แนะนำให้ลองเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ออนไลน์ได้ฟรีง่าย ๆ ไม่ต้องกรอกข้อมูลเยอะ รู้ผลไว มีให้เลือกทั้งแบบซ่อมศูนย์หรือซ่อมอู่ตามที่คุณต้องการเลยครับ
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ *
นามสกุล *
เบอร์โทรศัพท์มือถือ *