เช็คราคาแผนประกัน
กรอกข้อมูลเพื่อค้นหาแผนประกัน
ชื่อ *
นามสกุล *
เพศ *
วัน/เดือน/ปีเกิด *
เบอร์โทรศัพท์มือถือ *
|
อ่านแล้ว 15 ครั้ง
“ทำไมพอฝนตกทีไร ถึงเริ่มจาม น้ำมูกไหล คัดจมูกทุกที?” คำตอบหนึ่งที่หลายคนรู้จักกันดีคือ “ภูมิแพ้อากาศ” โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่อากาศเย็นและชื้น กลับกลายเป็นช่วงเวลาที่โรคนี้กำเริบได้ง่ายที่สุด วันนี้ พี่หมี TQM จะพาไปไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้อากาศ ตั้งแต่สาเหตุ อาการ วิธีดูแลตัวเอง และวิธีป้องกัน เพื่อให้คุณและคนรอบตัวรับมือกับโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภูมิแพ้อากาศ หรือที่เรียกกันว่า “โรคแพ้อากาศ” เป็นภาวะที่ร่างกายตอบสนองมากเกินไปต่อสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ฝุ่นละออง ละอองเกสร เชื้อรา หรือการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ โดยเฉพาะ อากาศเย็น หรืออากาศชื้นในช่วงหน้าฝน ซึ่งโรคนี้ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ที่คล้ายกับไข้หวัดเรื้อรัง
โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่มีความชื้นสูง และอุณหภูมิเปลี่ยนบ่อย ทำให้ร่างกายบางคนปรับตัวไม่ทัน จนเกิดอาการแพ้ เช่น จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล
สภาพอากาศชื้นในหน้าฝนเป็นแหล่งเพาะเชื้อราและไรฝุ่นชั้นดี ซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้สำคัญ โดยเฉพาะในบ้านหรือห้องนอนที่ระบายอากาศไม่ดี
หากคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้อากาศ โอกาสที่คุณจะเป็นก็สูงขึ้นเช่นกัน
ควันจากรถยนต์ หรือ PM2.5 เป็นปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้ภูมิแพ้อากาศรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนเมือง
อาการของโรคภูมิแพ้อากาศอาจดูคล้ายกับไข้หวัด แต่มีลักษณะเฉพาะที่สามารถสังเกตได้ดังนี้
ภูมิแพ้อากาศเย็น เป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายได้รับอุณหภูมิต่ำอย่างฉับพลัน เช่น หลังฝนตก ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศ หรือสัมผัสลมเย็นในช่วงเช้าและเย็น ซึ่งในหน้าฝน อุณหภูมิมักลดลงหลังฝนตก และความชื้นในอากาศก็เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ที่ไวต่ออากาศเย็นมีแนวโน้มเกิดอาการภูมิแพ้มากกว่าปกติ
แม้หลายคนจะคิดว่า “ภูมิแพ้อากาศแค่จาม คัดจมูก ไม่น่าอันตราย” แต่ในบางรายอาจเกิดอาการรุนแรง ซึ่งถ้ามีอาการต่อไปนี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยเร็ว
การรักษาโรคภูมิแพ้อากาศ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ และสามารถทำได้หลายวิธี ได้แก่
สำหรับผู้ที่มีอาการเรื้อรัง หรือไม่ตอบสนองต่อยา อาจได้รับการฉีดวัคซีนภูมิแพ้เพื่อลดความไวของร่างกายต่อสารก่อภูมิแพ้ เป็นวิธีการรักษาที่ช่วยให้ผู้ป่วยแพ้สารก่อภูมิแพ้น้อยลง โดยการให้สารก่อภูมิแพ้ที่ผู้ป่วยแพ้เข้าสู่ร่างกายทีละน้อย การฉีดเข้าใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Immunotherapy)
แม้การรักษาด้วยยา เช่น ยาแก้แพ้ ยาพ่นจมูก หรือการฉีดวัคซีนภูมิแพ้ จะสามารถบรรเทาอาการภูมิแพ้อากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะสั้น แต่หากไม่ได้ดูแลสุขภาพหรือปรับพฤติกรรมร่วมด้วย อาการภูมิแพ้ก็อาจกลับมากำเริบซ้ำได้ง่าย โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่เต็มไปด้วยปัจจัยกระตุ้น การดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอ จึงมีความสำคัญไม่แพ้การรักษาทางการแพทย์ และควรทำควบคู่กันไป เพื่อควบคุมอาการในระยะยาวและลดการพึ่งพายา เช่น
หนึ่งในอาการที่พบได้บ่อยในผู้ที่เป็นภูมิแพ้อากาศ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนหรือช่วงที่อากาศเย็นและชื้น คือ การเกิดผื่นแพ้บนผิวหนัง ซึ่งอาจมีลักษณะเป็นผื่นแดง คัน หรือเป็นตุ่มเล็ก ๆ ที่ทำให้รู้สึกระคายเคือง บางรายอาจถึงขั้นมีผิวลอก แห้ง หรือเกิดรอยคล้ำตามมา
อาการเหล่านี้มักเกิดจากการที่ผิวหนังไวต่ออากาศเย็นหรือสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ฝุ่นละออง เชื้อรา หรือไรฝุ่น เมื่อผิวหนังสัมผัสกับอากาศแห้งเย็น หรือสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ก็จะทำให้ความชื้นในผิวลดลง ส่งผลให้ผิวอ่อนแอและเกิดการแพ้ได้ง่าย
โรคภูมิแพ้อากาศอาจดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่สามารถส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้มาก โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่อากาศเย็นและชื้น ผู้ที่มีภูมิแพ้อากาศจึงควรดูแลตนเองอย่างใกล้ชิด รู้จักหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น รักษาสุขภาพให้แข็งแรง และหากมีอาการผิดปกติควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง ฉะนั้นการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเป็นพื้นฐานที่ดีในการป้องกันโรคภูมิแพ้อากาศ และเพื่อความอุ่นใจในทุกฤดู พี่หมี TQM ขอแนะนำให้คุณตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี พร้อมวางแผนความคุ้มครองที่เหมาะสมกับตนเอง ด้วยประกันสุขภาพ ที่จะช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษา ค่าห้อง ค่ายา หากคุณกำลังมองหาประกันสุขภาพที่คุ้มค่าและเข้าใจง่าย สามารถเช็กเบี้ยประกันสุขภาพกับ TQM ได้ฟรีที่เว็บไซต์ หรือโทร 1737 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำครับ
ชื่อ *
นามสกุล *
เพศ *
วัน/เดือน/ปีเกิด *
เบอร์โทรศัพท์มือถือ *