22/05/68

|

อ่านแล้ว 15 ครั้ง

ภูมิแพ้อากาศในหน้าฝน ทำไมใคร ๆ ก็เป็น? พร้อมวิธีดูแลตัวเองแบบง่าย ๆ

    “ทำไมพอฝนตกทีไร ถึงเริ่มจาม น้ำมูกไหล คัดจมูกทุกที?” คำตอบหนึ่งที่หลายคนรู้จักกันดีคือ “ภูมิแพ้อากาศ” โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่อากาศเย็นและชื้น กลับกลายเป็นช่วงเวลาที่โรคนี้กำเริบได้ง่ายที่สุด วันนี้ พี่หมี TQM จะพาไปไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้อากาศ ตั้งแต่สาเหตุ อาการ วิธีดูแลตัวเอง และวิธีป้องกัน เพื่อให้คุณและคนรอบตัวรับมือกับโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

โรคภูมิแพ้อากาศคืออะไร?

    ภูมิแพ้อากาศ หรือที่เรียกกันว่า “โรคแพ้อากาศ” เป็นภาวะที่ร่างกายตอบสนองมากเกินไปต่อสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ฝุ่นละออง ละอองเกสร เชื้อรา หรือการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ โดยเฉพาะ อากาศเย็น หรืออากาศชื้นในช่วงหน้าฝน ซึ่งโรคนี้ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ที่คล้ายกับไข้หวัดเรื้อรัง

 

โรคภูมิแพ้อากาศ สาเหตุเกิดจากอะไร?

1. สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงกะทันหัน

โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่มีความชื้นสูง และอุณหภูมิเปลี่ยนบ่อย ทำให้ร่างกายบางคนปรับตัวไม่ทัน จนเกิดอาการแพ้ เช่น จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล

 

2. ฝุ่นละออง เชื้อรา และไรฝุ่นในอากาศ

สภาพอากาศชื้นในหน้าฝนเป็นแหล่งเพาะเชื้อราและไรฝุ่นชั้นดี ซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้สำคัญ โดยเฉพาะในบ้านหรือห้องนอนที่ระบายอากาศไม่ดี

 

3. พันธุกรรม

หากคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้อากาศ โอกาสที่คุณจะเป็นก็สูงขึ้นเช่นกัน

 

4. มลภาวะในเมืองใหญ่

ควันจากรถยนต์ หรือ PM2.5 เป็นปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้ภูมิแพ้อากาศรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนเมือง

โรคภูมิแพ้อากาศ สาเหตุเกิดจากอะไร

โรคภูมิแพ้อากาศ อาการเป็นอย่างไร?

    อาการของโรคภูมิแพ้อากาศอาจดูคล้ายกับไข้หวัด แต่มีลักษณะเฉพาะที่สามารถสังเกตได้ดังนี้

  • คัดจมูก จามบ่อย น้ำมูกใส
  • มีอาการคันจมูก คันตา หรือคันคอ
  • น้ำตาไหล คันตา ตาแดง
  • มีเสมหะในลำคอบ่อย
  • ในบางรายอาจมี ผื่นขึ้นจากภูมิแพ้อากาศ โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลำคอ หรือแขน
  • อาการจะกำเริบเป็นช่วง ๆ ตามสภาพอากาศ โดยเฉพาะในตอนเช้า กลางคืน หรือเมื่ออากาศเย็นลง

 

ภูมิแพ้อากาศเย็นกับหน้าฝน เกี่ยวข้องกันอย่างไร?

    ภูมิแพ้อากาศเย็น เป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายได้รับอุณหภูมิต่ำอย่างฉับพลัน เช่น หลังฝนตก ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศ หรือสัมผัสลมเย็นในช่วงเช้าและเย็น ซึ่งในหน้าฝน อุณหภูมิมักลดลงหลังฝนตก และความชื้นในอากาศก็เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ที่ไวต่ออากาศเย็นมีแนวโน้มเกิดอาการภูมิแพ้มากกว่าปกติ

 

ภูมิแพ้อากาศ รุนแรงได้ไหม?

    แม้หลายคนจะคิดว่า “ภูมิแพ้อากาศแค่จาม คัดจมูก ไม่น่าอันตราย” แต่ในบางรายอาจเกิดอาการรุนแรง ซึ่งถ้ามีอาการต่อไปนี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

  • หายใจลำบาก แน่นหน้าอก หอบเหนื่อย
  • อาการลุกลามเป็นหลอดลมอักเสบ หรือไซนัสอักเสบ
  • ในผู้ป่วยโรคหอบหืด ภูมิแพ้อากาศสามารถกระตุ้นให้หอบกำเริบได้
  • ผื่นแพ้ขึ้นเรื้อรัง ทำให้เกิดการเกา จนติดเชื้อ

 

วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นภูมิแพ้อากาศ

1. หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น

  • หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ชื้น หรือมีฝุ่นเยอะ
  • หลีกเลี่ยงอากาศเย็นจัด เช่น แอร์แรง พัดลมจ่อหน้า
  • ใช้หน้ากากกันฝุ่นเมื่อต้องออกจากบ้าน
  • งดการสูบบุหรี่ หรืออยู่ใกล้ควัน

 

2. รักษาความสะอาดในบ้าน

  • หมั่นซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน
  • ดูดฝุ่นเป็นประจำ โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ผ้า
  • ใช้เครื่องฟอกอากาศช่วยลดไรฝุ่นและเชื้อรา
  • เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทอย่างสม่ำเสมอ

 

3. ดูแลสุขภาพร่างกาย

  • ดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นภูมิแพ้ เช่น อาหารแปรรูป ของหมักดอง

โรคภูมิแพ้อากาศ วิธีรักษา ทำอย่างไร

โรคภูมิแพ้อากาศ วิธีรักษา ทำอย่างไร?

    การรักษาโรคภูมิแพ้อากาศ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ และสามารถทำได้หลายวิธี ได้แก่

 

1. การใช้ยา

  • ยาต้านฮิสตามีน (แก้จาม คัน น้ำมูกไหล)
  • ยาพ่นจมูกสเตียรอยด์
  • ยาลดอาการคัดจมูก
  • ในบางรายอาจต้องใช้ยาละลายเสมหะร่วมด้วย

 

2. การรักษาด้วยวัคซีนภูมิแพ้ (Immunotherapy)

    สำหรับผู้ที่มีอาการเรื้อรัง หรือไม่ตอบสนองต่อยา อาจได้รับการฉีดวัคซีนภูมิแพ้เพื่อลดความไวของร่างกายต่อสารก่อภูมิแพ้ เป็นวิธีการรักษาที่ช่วยให้ผู้ป่วยแพ้สารก่อภูมิแพ้น้อยลง โดยการให้สารก่อภูมิแพ้ที่ผู้ป่วยแพ้เข้าสู่ร่างกายทีละน้อย การฉีดเข้าใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Immunotherapy)

 

3. การดูแลตนเองร่วมกับการรักษาทางการแพทย์

    แม้การรักษาด้วยยา เช่น ยาแก้แพ้ ยาพ่นจมูก หรือการฉีดวัคซีนภูมิแพ้ จะสามารถบรรเทาอาการภูมิแพ้อากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะสั้น แต่หากไม่ได้ดูแลสุขภาพหรือปรับพฤติกรรมร่วมด้วย อาการภูมิแพ้ก็อาจกลับมากำเริบซ้ำได้ง่าย โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่เต็มไปด้วยปัจจัยกระตุ้น การดูแลตนเองอย่างสม่ำเสมอ จึงมีความสำคัญไม่แพ้การรักษาทางการแพทย์ และควรทำควบคู่กันไป เพื่อควบคุมอาการในระยะยาวและลดการพึ่งพายา เช่น

  • หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ชัดเจน: หากรู้ตัวว่าแพ้ฝุ่น เชื้อรา หรือละอองเกสร ควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีความเสี่ยง หรือใช้หน้ากากกันฝุ่นในพื้นที่เปิด
  • สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย: บ้านและห้องนอนควรสะอาด ระบายอากาศดี ไม่มีความชื้นสะสม ซึ่งเป็นแหล่งเจริญเติบโตของไรฝุ่นและเชื้อรา
  • ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม: เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน โดยควรเลือกช่วงเวลาที่อากาศดี เช่น ช่วงสาย ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป
  • พักผ่อนให้เพียงพอ: นอนหลับวันละ 6–8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวและระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดี
  • สังเกตอาการและจดบันทึก: เพื่อหาความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งกระตุ้นกับอาการแพ้ เช่น บางคนอาจแพ้อากาศเย็นในช่วงเช้ามากกว่าตอนเย็น หรือแพ้ผ้าห่มที่ไม่เคยซักนาน ๆ

 

ภูมิแพ้อากาศ ผื่นขึ้น ต้องดูแลอย่างไร?

    หนึ่งในอาการที่พบได้บ่อยในผู้ที่เป็นภูมิแพ้อากาศ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนหรือช่วงที่อากาศเย็นและชื้น คือ การเกิดผื่นแพ้บนผิวหนัง ซึ่งอาจมีลักษณะเป็นผื่นแดง คัน หรือเป็นตุ่มเล็ก ๆ ที่ทำให้รู้สึกระคายเคือง บางรายอาจถึงขั้นมีผิวลอก แห้ง หรือเกิดรอยคล้ำตามมา

 

บริเวณที่พบผื่นบ่อยจากภูมิแพ้อากาศ ได้แก่

  • ใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณแก้ม และรอบจมูก
  • ลำคอ
  • แขนและข้อพับ
  • ขา และข้อเท้า
  • หลังมือ หลังเท้า หรือบริเวณที่สัมผัสอากาศโดยตรง

 

    อาการเหล่านี้มักเกิดจากการที่ผิวหนังไวต่ออากาศเย็นหรือสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ฝุ่นละออง เชื้อรา หรือไรฝุ่น เมื่อผิวหนังสัมผัสกับอากาศแห้งเย็น หรือสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ก็จะทำให้ความชื้นในผิวลดลง ส่งผลให้ผิวอ่อนแอและเกิดการแพ้ได้ง่าย

 

    โรคภูมิแพ้อากาศอาจดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่สามารถส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้มาก โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่อากาศเย็นและชื้น ผู้ที่มีภูมิแพ้อากาศจึงควรดูแลตนเองอย่างใกล้ชิด รู้จักหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น รักษาสุขภาพให้แข็งแรง และหากมีอาการผิดปกติควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง ฉะนั้นการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเป็นพื้นฐานที่ดีในการป้องกันโรคภูมิแพ้อากาศ และเพื่อความอุ่นใจในทุกฤดู พี่หมี TQM ขอแนะนำให้คุณตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี พร้อมวางแผนความคุ้มครองที่เหมาะสมกับตนเอง ด้วยประกันสุขภาพ ที่จะช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษา ค่าห้อง ค่ายา หากคุณกำลังมองหาประกันสุขภาพที่คุ้มค่าและเข้าใจง่าย สามารถเช็กเบี้ยประกันสุขภาพกับ TQM ได้ฟรีที่เว็บไซต์ หรือโทร 1737 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำครับ

เช็คราคาแผนประกัน

กรอกข้อมูลเพื่อค้นหาแผนประกัน
สุขภาพ
มะเร็ง
ลดหย่อนภาษี

ชื่อ *

นามสกุล *

เพศ *

วัน/เดือน/ปีเกิด *

เบอร์โทรศัพท์มือถือ *

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง