29/07/68

|

อ่านแล้ว 57 ครั้ง

เข้าโรงพยาบาลเอกชนบ่อย ทำไมต้องมีประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย?

    ในยุคที่ค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนพุ่งสูงขึ้นทุกปี ใครที่มีประสบการณ์เข้าโรงพยาบาลเอกชนบ่อยครั้ง คงเข้าใจดีว่าค่าใช้จ่ายต่อครั้งอาจสูงถึงหลักหมื่นหรือแสนบาท และถ้าไม่มีหลักประกันที่ดีพอ อาจส่งผลต่อเงินเก็บระยะยาวได้ง่าย ๆ หนึ่งในทางออกที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ การทำประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย ซึ่งให้ความคุ้มครองครอบคลุม คุ้มค่า และเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่เน้นความยืดหยุ่น

 

ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย คืออะไร?

    ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย คือ ประกันที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแบบ “รวมวงเงินเดียว” โดยไม่แยกเป็นหมวดหมู่ เช่น ค่าห้อง ค่ายา ค่าแพทย์ หรือค่าผ่าตัด ซึ่งแตกต่างจากประกันสุขภาพแบบแยกหมวดที่กำหนดวงเงินของแต่ละรายการแยกจากกัน

 

    ตัวอย่างเช่น หากคุณมีประกันสุขภาพเหมาจ่ายที่ให้วงเงิน 1,000,000 บาทต่อปี แล้วคุณต้องรักษาตัวด้วยการผ่าตัดที่มีค่าใช้จ่ายรวม 400,000 บาท ประกันจะคุ้มครองให้ทั้งหมดภายในวงเงินนั้น โดยไม่จำกัดว่าค่าห้องหรือค่าผ่าตัดจะใช้ได้เท่าไร แค่รวมกันไม่เกิน 1,000,000 บาท ก็สามารถเบิกได้เต็มจำนวน

 

จุดเด่นของประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย

ยืดหยุ่นสูง: ไม่ต้องกังวลว่าจะใช้สิทธิค่าห้องหมด แต่ยังมีค่าผ่าตัดเหลือ เพราะสามารถใช้วงเงินรวมได้ตามความจำเป็นจริง

ตอบโจทย์การรักษาในโรงพยาบาลเอกชน: เพราะค่ารักษามักสูงและมีหลายรายการ หากใช้แบบแยกหมวดอาจไม่พอจ่าย

เหมาะกับผู้ที่มีความเสี่ยง หรือมีโรคประจำตัว: เพราะอาจต้องรักษาตัวบ่อย และใช้ค่าใช้จ่ายต่อครั้งค่อนข้างมาก

 

ตัวอย่างการคุ้มครองในแผนเหมาจ่าย

  • วงเงินค่ารักษาพยาบาลต่อปี: 1,000,000 บาท

  • ครอบคลุมค่าห้อง ค่าแพทย์ผ่าตัด ค่ายา ค่าแล็บ และค่าบริการอื่น ๆ

  • ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการเข้ารักษา (ภายในวงเงินประกัน)

ทำไมคนเข้าโรงพยาบาลเอกชนบ่อยควรเลือก “ประกันสุขภาพเหมาจ่าย”?

ทำไมคนเข้าโรงพยาบาลเอกชนบ่อยควรเลือก “ประกันสุขภาพเหมาจ่าย”?

1. โรงพยาบาลเอกชนคิดค่าบริการสูงกว่ารัฐหลายเท่า

    การเข้าโรงพยาบาลเอกชน มีข้อดีเรื่องความรวดเร็วและความสะดวกสบาย แต่สิ่งที่ตามมาคือ ค่ารักษาพยาบาลที่สูงกว่าโรงพยาบาลรัฐอย่างมาก ตัวอย่างเช่น ค่าผ่าตัดไส้ติ่งที่โรงพยาบาลรัฐอาจอยู่ที่ประมาณ 20,000–30,000 บาท แต่ในโรงพยาบาลเอกชนอาจพุ่งสูงถึง 60,000–100,000 บาท หรือมากกว่านั้น

 

2. ลดความเสี่ยงการจ่ายเงินก้อนใหญ่กะทันหัน

    อุบัติเหตุหรือการเจ็บป่วยฉับพลัน อาจทำให้คุณต้องแอดมิทโดยไม่ทันตั้งตัว หากคุณไม่มีประกัน หรือใช้ประกันแบบแยกหมวดที่วงเงินจำกัด ก็อาจต้องควักเงินจ่ายส่วนเกินเอง ซึ่งหลายครั้งเป็นค่าใช้จ่ายหลักแสน

 

3. ใช้โรงพยาบาลระดับพรีเมียมได้โดยไม่ต้องกังวล

    ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายช่วยให้คุณสามารถใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนที่มีมาตรฐานสูง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยไม่ต้องกังวลว่า “ค่ารักษาจะเกินวงเงินในแต่ละหมวดหรือไม่”

 

ประกันสุขภาพเหมาจ่ายกับแยกหมวด ต่างกันยังไง?

รายการเปรียบเทียบ เหมาจ่าย แยกหมวด
รูปแบบวงเงิน วงเงินรวมก้อนเดียว ใช้จ่ายได้ตามต้องการ แยกวงเงินในแต่ละหมวด
ความยืดหยุ่นในการรักษา สูง ต่ำ
ค่ารักษากรณีฉุกเฉิน/หนัก ครอบคลุมมากกว่า อาจต้องจ่ายเพิ่ม
เหมาะกับใคร ผู้เข้า รพ.เอกชนบ่อย/มีโรคประจำตัว คนสุขภาพแข็งแรง เข้า รพ.น้อยครั้ง
เบี้ยประกัน สูงกว่าเล็กน้อย แต่คุ้มกว่าในระยะยาว ถูกกว่า

ถ้าไม่มีประกันเหมาจ่าย ต้องจ่ายเท่าไหร่?

กรณีตัวอย่าง: ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีที่โรงพยาบาลเอกชน

  • ค่าห้องพัก 4 คืน (คืนละ 4,000 บาท): 16,000 บาท

  • ค่าผ่าตัดและดมยาสลบ: 85,000 บาท

  • ค่ายาและค่าบริการอื่น ๆ: 19,000 บาท

 

รวมทั้งสิ้น: 120,000 บาท

 

หากคุณมีประกันสุขภาพแบบแยกหมวด เช่น

 

  • ค่าห้องวันละไม่เกิน 3,000 บาท (เกินวันละ 1,000 บาท x 4 คืน = 4,000 บาท)

  • ค่าผ่าตัดไม่เกิน 50,000 บาท (จ่ายเกินเองอีก 35,000 บาท)

  • ค่ายาและค่ารักษาอื่น ๆ ไม่ครอบคลุมทั้งหมด (จ่ายเพิ่มเองอีกราว 5,000–10,000 บาท)

 

รวมที่อาจต้องควักจ่ายเอง: 40,000–50,000 บาท

    แต่ถ้าคุณมี ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย ที่ให้ความคุ้มครองสูงสุด 400,000 บาทต่อปี อย่างประกันสุขภาพเหมาจ่าย All in one คุณสามารถใช้วงเงินนั้นเพื่อเคลมค่ารักษา 120,000 บาท ได้ โดยไม่ต้องควักเงินจ่ายเองแม้แต่บาทเดียว (หากไม่มีเงื่อนไขค่าใช้จ่ายร่วม (Deductible))

ถ้าไม่มีประกันเหมาจ่าย ต้องจ่ายเท่าไหร่?

ประกันสุขภาพเหมาจ่ายใช้กับโรงพยาบาลเอกชนทุกแห่งได้ไหม?

    โดยทั่วไปสามารถใช้ได้กับโรงพยาบาลเอกชนส่วนใหญ่ บริษัทประกันจะมีรายชื่อโรงพยาบาลคู่สัญญาหรือเครือข่าย (Network Hospital) ที่สามารถใช้สิทธิ์แบบ "ไม่ต้องสำรองจ่าย" ได้ ซึ่งมักครอบคลุมโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง เช่น

 

  • โรงพยาบาลสมิติเวช

  • โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

  • โรงพยาบาลกรุงเทพ

  • โรงพยาบาลพญาไท

  • โรงพยาบาลเวชธานี

 

    แต่หากคุณเลือกเข้ารับการรักษานอกเครือข่าย อาจต้องสำรองจ่ายก่อน แล้วนำใบเสร็จไปเคลมภายหลัง ทั้งนี้ควรตรวจสอบรายชื่อโรงพยาบาลที่ร่วมรายการกับบริษัทประกันก่อนทำสัญญา เพื่อความมั่นใจว่าจะสามารถใช้บริการในโรงพยาบาลที่คุณใช้ประจำได้

 

ควรเลือกวงเงินคุ้มครองเท่าไร?

    การเลือกวงเงินประกันสุขภาพเหมาจ่ายควรพิจารณาจาก พฤติกรรมสุขภาพและความเสี่ยงของแต่ละบุคคล เช่น

 

  • หากคุณมีโรคประจำตัว เข้าโรงพยาบาลบ่อย หรือใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนเป็นประจำ
    แนะนำเลือกวงเงินคุ้มครองขั้นต่ำ 500,000 บาทต่อปีขึ้นไป เพื่อครอบคลุมทั้งค่าห้อง ค่าผ่าตัด ค่ายา และค่าบริการต่าง ๆ ได้อย่างเพียงพอ

  • หากคุณมีสุขภาพแข็งแรง ไม่ค่อยเข้าโรงพยาบาล
    อาจเลือกวงเงิน 300,000–500,000 บาทต่อปี ก็เพียงพอ โดยพิจารณาแนวโน้มการใช้บริการทางการแพทย์ในอนาคตควบคู่กัน

 

หมายเหตุ: ปัจจุบันค่ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้น การเลือกวงเงินสูงกว่าค่าเฉลี่ยจะช่วยป้องกันความเสี่ยงด้านการเงินในระยะยาว

 

ถ้ามีสวัสดิการจากที่ทำงานอยู่แล้ว ยังจำเป็นต้องซื้อประกันเหมาจ่ายเพิ่มไหม?

    ควรพิจารณาทำเพิ่ม เพราะแม้หลายบริษัทจะมีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลให้พนักงาน แต่ก็ยังมีข้อจำกัด เช่น

 

  • วงเงินค่ารักษาต่อปีมักอยู่ในช่วง 20,000–100,000 บาท

  • ไม่ครอบคลุมโรงพยาบาลเอกชนระดับพรีเมียม

  • ไม่คุ้มครองกรณีเจ็บป่วยรุนแรงที่ต้องแอดมิทหลายวันหรือผ่าตัดใหญ่

  • สิทธิสวัสดิการจะหมดทันทีหากลาออกหรือเปลี่ยนงาน

 

    ประกันสุขภาพเหมาจ่ายจึงเป็นหลักประกันสำรองที่ช่วยเติมเต็มช่องว่างของสวัสดิการจากที่ทำงาน และช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่ามีความคุ้มครองต่อเนื่องไม่ว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิดเมื่อใดก็ตาม

วิธีเลือกแผนประกันสุขภาพเข้าโรงพยาบาลเอกชน

วิธีเลือกแผนประกันสุขภาพเข้าโรงพยาบาลเอกชน

1. ดูพฤติกรรมสุขภาพของตัวเอง

หากคุณมีโรคประจำตัว หรือมีแนวโน้มต้องแอดมิทปีละ 1–2 ครั้ง ควรเลือกแบบเหมาจ่ายทันที

 

2. เปรียบเทียบแผนหลายบริษัท

เน้นเปรียบเทียบวงเงิน วงเงินร่วมจ่าย (Deductible) และเงื่อนไขการต่ออายุ เช่น ไม่ตัดสิทธิ์หากป่วยบ่อย

 

3. ตรวจสอบโรงพยาบาลที่ร่วมรายการ

ควรเช็กว่าแผนประกันที่เลือก สามารถเข้ารักษาโรงพยาบาลเอกชนที่คุณใช้อยู่ประจำหรือไม่

 

    สรุปแล้ว สำหรับใครที่เข้าโรงพยาบาลเอกชนบ่อย หรือมีแนวโน้มต้องรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง “ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย” ถือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและตอบโจทย์ที่สุด เพราะให้วงเงินคุ้มครองรวมแบบไม่ต้องกังวลว่าจะเกินเพดานรายจ่ายในแต่ละหมวด ใช้รักษาได้หลากหลาย ครอบคลุมจริง และช่วยลดความเสี่ยงเรื่องค่าใช้จ่ายก้อนโตอย่างมีประสิทธิภาพ

 

    หากคุณกำลังมองหาประกันสุขภาพที่ครอบคลุม คุ้มค่า และเข้าโรงพยาบาลเอกชนได้อย่างมั่นใจ พี่หมี TQM ขอแนะนำให้ลองเช็กเบี้ย ประกันสุขภาพเหมาจ่าย All-in-One ได้เลยตอนนี้ มีแผนหลากหลายให้เลือกตามไลฟ์สไตล์ พร้อมบริการช่วยเหลือทุกขั้นตอน หรือปรึกษาเรื่องประกันภัย โทร 1737 ยินดีให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

เช็คราคาแผนประกัน

กรอกข้อมูลเพื่อค้นหาแผนประกัน
สุขภาพ
มะเร็ง
ลดหย่อนภาษี

ชื่อ *

นามสกุล *

เพศ *

วัน/เดือน/ปีเกิด *

เบอร์โทรศัพท์มือถือ *

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง