09/07/68

|

อ่านแล้ว 78 ครั้ง

5 โรคฮิตหน้าฝน ที่มาพร้อมค่ารักษาไม่เบา! เช็กไว้ก่อนป่วย

    เมื่อฤดูฝนมาเยือน หลายคนอาจดีใจที่อากาศเย็นลง แต่อีกด้านหนึ่ง ฝนกลับนำมาซึ่งความเสี่ยงด้านสุขภาพที่หลายคนอาจมองข้าม ความชื้น น้ำขัง และการรวมตัวของผู้คนในที่แออัด กลายเป็นเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยให้โรคติดต่อหลายชนิดระบาดง่ายขึ้น โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร และโรคที่มียุงหรือสัตว์เป็นพาหะ วันนี้ พี่หมี TQM จะพาคุณไปรู้จัก 5 โรคยอดฮิตในฤดูฝน พร้อมเจาะลึกสาเหตุ กลุ่มเสี่ยง อาการ ค่ารักษา และวิธีป้องกัน เพื่อให้คุณและคนที่คุณรักเตรียมตัวรับมือได้อย่างรอบด้าน

ไข้เลือดออก

1. ไข้เลือดออก

สาเหตุของโรคไข้เลือดออก

ไข้เลือดออกมีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสเด็งกี ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะ เมื่อยุงกัดคนที่ติดเชื้อ เชื้อจะเข้าไปในตัวยุงและถูกส่งต่อมายังคนอื่นที่ถูกยุงกัดต่อไป โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่แหล่งน้ำขังมีอยู่ทั่วไป ทำให้ยุงลายสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วและเพิ่มโอกาสในการแพร่ระบาดของโรคนี้ในวงกว้าง

 

กลุ่มเสี่ยงไข้เลือดออก

  • เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ที่ภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง

  • ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ซึ่งหากติดเชื้อจะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย

  • ผู้ที่อาศัยในชุมชนแออัดหรือบ้านเรือนที่มีน้ำขังและไม่ป้องกันยุงอย่างเหมาะสม

 

อาการผู้ป่วยไข้เลือดออก

  • ไข้สูงเฉียบพลันเกิน 39 องศาเซลเซียส ติดต่อกันหลายวัน

  • ปวดศีรษะอย่างรุนแรง ปวดกระบอกตา และปวดตามกล้ามเนื้อ

  • เบื่ออาหาร คลื่นไส้ มีผื่นขึ้นตามลำตัว

  • บางรายอาจพบเลือดออกตามไรฟัน จุดจ้ำเลือด หรือเลือดกำเดาไหล

 

ค่ารักษาโรคไข้เลือดออก (โดยประมาณ)

  • ผู้ป่วยนอก (OPD) 3,000 – 5,000 บาท สำหรับการตรวจวินิจฉัยและให้ยาประคับประคอง

  • หากต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อให้น้ำเกลือและเฝ้าระวังอาการ 20,000 – 60,000 บาท

  • หากเกิดภาวะช็อก ต้องเข้าห้อง ICU มากกว่า 100,000 บาทขึ้นไป

 

วิธีป้องกันไข้เลือดออก

  • หมั่นตรวจดูรอบบ้าน ไม่ให้มีน้ำขัง เช่น ถ้วยรองกระถาง ยางรถยนต์เก่า

  • ใส่เสื้อผ้ามิดชิด และทายากันยุง โดยเฉพาะช่วงเช้าและเย็นที่ยุงลายชุก

  • พิจารณาฉีดวัคซีนไข้เลือดออก โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงและเด็กที่มีอายุเหมาะสม

โรคอุจจาระร่วงจากอาหาร

2. โรคอุจจาระร่วงจากอาหารหรือน้ำปนเปื้อน

สาเหตุของโรคอุจจาระร่วง

โรคนี้มักเกิดจากการรับประทานอาหารหรือน้ำที่มีเชื้อโรคปนเปื้อน เช่น แบคทีเรีย (E. coli, Salmonella), ไวรัส (Rotavirus, Norovirus) หรือพยาธิที่เข้าสู่ร่างกายผ่านระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะในฤดูฝนที่น้ำท่วมขังทำให้สิ่งสกปรกแพร่กระจายง่ายขึ้น อาหารเน่าเสียง่ายและน้ำอาจไม่สะอาดเหมือนปกติ

 

กลุ่มเสี่ยงโรคอุจจาระร่วง

  • เด็กเล็ก ที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงพอ

  • ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคเรื้อรัง

  • ผู้บริโภคอาหารจากแหล่งที่ไม่สะอาด เช่น ร้านค้าริมถนนในช่วงฝนตก

 

อาการโรคอุจจาระร่วง

  • ถ่ายเหลวหรือถ่ายบ่อยผิดปกติ บางครั้งอาจมีมูกหรือเลือดปน

  • ปวดบิดที่ท้อง คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย

  • หากสูญเสียน้ำมาก จะเกิดภาวะขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง เวียนหัว หรืออ่อนแรง

 

ค่ารักษาโรคอุจจาระร่วง (โดยประมาณ)

  • ค่ารักษาเบื้องต้น 500 – 2,000 บาท (ค่ายาแก้อาการและน้ำเกลือ)

  • หากรุนแรงและต้องแอดมิทเพื่อให้น้ำเกลือและยาฆ่าเชื้อ 5,000 – 15,000 บาท

  • หากมีภาวะช็อกจากการขาดน้ำ อาจสูงถึง 30,000 บาท

 

วิธีป้องกันโรคอุจจาระร่วง

  • ล้างมือด้วยสบู่ก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ

  • รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ หลีกเลี่ยงของหมักดองหรือสุก ๆ ดิบ ๆ ในช่วงฤดูฝน

  • ดื่มน้ำสะอาด และหลีกเลี่ยงการใช้น้ำจากแหล่งที่ไม่ผ่านการกรองหรือต้ม

ไข้หวัดใหญ่

3. ไข้หวัดใหญ่

สาเหตุโรคไข้หวัดใหญ่

ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่เกิดจากไวรัส Influenza ซึ่งแพร่กระจายอย่างรวดเร็วผ่านทางละอองฝอยจากการไอหรือจาม และการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ เช่น ลูกบิดประตู หรือโทรศัพท์มือถือในที่สาธารณะ ฤดูฝนที่มีอากาศชื้นและทำให้คนอยู่รวมกันในที่ปิด ยิ่งเอื้อให้ไวรัสระบาด

 

กลุ่มเสี่ยงโรคไข้หวัดใหญ่

  • เด็กเล็กและผู้สูงอายุ ซึ่งภูมิต้านทานต่ำ

  • หญิงตั้งครรภ์

  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หอบหืด หรือโรคหัวใจ

 

อาการโรคไข้หวัดใหญ่

  • ไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะและเมื่อยตามตัวอย่างชัดเจน

  • เจ็บคอ ไอแห้ง น้ำมูกไหล

  • ในรายที่รุนแรงอาจมีอาการแน่นหน้าอก หายใจเร็ว หอบเหนื่อย หรือกลายเป็นปอดอักเสบ

 

ค่ารักษาโรคไข้หวัดใหญ่ (โดยประมาณ)

  • รักษาด้วยยาต้านไวรัสและประคับประคองอาการทั่วไป: 1,500 – 3,000 บาท

  • หากเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบ ต้องแอดมิท: 15,000 – 50,000 บาท

  • หากต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ: ค่ารักษาอาจเกิน 80,000 บาท

 

วิธีป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่

  • ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง

  • หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด และพยายามสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ใกล้ผู้อื่น

  • ล้างมือบ่อย และงดใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น

 โรคฉี่หนู

4. โรคฉี่หนู (Leptospirosis)

สาเหตุโรคฉี่หนู

โรคฉี่หนูเกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Leptospira ที่อาศัยอยู่ในปัสสาวะของสัตว์ โดยเฉพาะหนู ซึ่งสามารถแพร่กระจายลงสู่แหล่งน้ำหรือพื้นดินที่เปียกชื้นได้ง่าย โดยเชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ผ่านบาดแผล รอยขีดข่วน หรือแม้แต่ทางเยื่อบุตาได้โดยตรง โดยเฉพาะในช่วงน้ำท่วมที่ผู้คนต้องเดินลุยน้ำโดยไม่มีการป้องกันที่เหมาะสม

 

กลุ่มเสี่ยงโรคฉี่หนู

  • เกษตรกร คนงานก่อสร้าง หรือผู้ที่ทำงานในที่เปียกชื้นหรือมีน้ำขัง

  • ผู้ที่เดินลุยน้ำท่วมโดยไม่ใส่รองเท้าป้องกัน

  • คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีปัญหาหนูชุก

 

อาการโรคฉี่หนู

  • ไข้สูง หนาวสั่น ปวดเมื่อยน่อง (ลักษณะเฉพาะ)

  • ตาแดง อ่อนเพลีย ปวดศีรษะอย่างรุนแรง

  • คลื่นไส้ อาเจียน และอาจมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง หากเชื้อลุกลามไปที่ตับ

  • ในรายที่รุนแรง อาจเกิดภาวะไตวาย ตับวาย ช็อก และเสียชีวิต

 

ค่ารักษา (โดยประมาณ)

  • ตรวจเลือด ยาปฏิชีวนะพื้นฐาน: 2,000 – 5,000 บาท

  • หากต้องแอดมิทเพื่อฟอกไต หรืออยู่ ICU หลายวัน: 50,000 – 200,000 บาท

  • หากเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือมีการติดเชื้อที่ระบบหลายส่วน ค่าใช้จ่ายอาจพุ่งสูงขึ้นอีก

 

วิธีป้องกัน

  • หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำโดยไม่สวมรองเท้าบู๊ต

  • หากจำเป็นต้องลุยน้ำ ควรใส่ถุงเท้าพลาสติกกันน้ำ หรือรองเท้าบู๊ตยางที่ป้องกันน้ำซึม

  • ควบคุมไม่ให้มีหนูอาศัยในบ้านหรือรอบบ้าน เช่น รักษาความสะอาด ไม่วางขยะชื้นไว้กลางแจ้ง

โรคตาแดง

5. โรคตาแดง (Conjunctivitis)

สาเหตุโรคตาแดง

ตาแดงส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย โดยเฉพาะเชื้อ Adenovirus ที่พบได้บ่อยในฤดูฝน เชื้อโรคสามารถแพร่ผ่านการสัมผัสน้ำตาหรือขี้ตาของผู้ป่วย หรือผ่านสิ่งของที่ปนเปื้อน เช่น ผ้าเช็ดหน้า แว่นตา โทรศัพท์มือถือ หรือแม้แต่มือของเราเองที่ไปสัมผัสบริเวณรอบดวงตา

 

กลุ่มเสี่ยงโรคตาแดง

  • เด็กในโรงเรียนอนุบาลหรือประถม ซึ่งมีพฤติกรรมใช้ของร่วมกันบ่อย

  • ผู้ที่อยู่ในชุมชนแออัด หรือใช้ของร่วมกันในบ้าน เช่น ผ้าเช็ดตัว หมอน

  • ผู้ที่ว่ายน้ำในสระน้ำที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

 

อาการโรคตาแดง

  • ตาแดง เคืองตา แสบตา และมีน้ำตาไหลมากผิดปกติ

  • มีขี้ตาเหนียว โดยเฉพาะตอนตื่นนอน อาจปิดเปลือกตาไม่ขึ้น

  • แพ้แสง เจ็บตา มองเห็นภาพมัวในบางช่วง

  • บางรายอาจมีไข้ร่วมด้วย หรือมีอาการทางเดินหายใจร่วมด้วย

 

ค่ารักษาโรคตาแดง (โดยประมาณ)

  • หากเป็นเคสไม่รุนแรง: ค่ายาหยอดตาและค่าพบแพทย์ 300 – 1,000 บาท

  • หากติดเชื้อแบคทีเรียรุนแรง หรือมีแผลที่กระจกตา: 1,500 – 3,000 บาท

 

วิธีป้องกันโรคตาแดง

  • หลีกเลี่ยงการขยี้ตาด้วยมือเปล่า หรือใช้มือที่ไม่สะอาด

  • งดใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัว ปลอกหมอน แว่นตา

  • ล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะหลังสัมผัสบริเวณใบหน้า

  • หากป่วยควรหยุดเรียนหรือหยุดงานเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ

 

ตารางสรุปค่ารักษาโรคฮิตฤดูฝน (โดยประมาณ)

โรค ค่ารักษาเบื้องต้น ค่ารักษากรณีรุนแรง
โรคไข้เลือดออก 3,000 – 5,000 บาท 20,000 – 100,000+ บาท
โรคอุจจาระร่วงจากอาหารหรือน้ำปนเปื้อน 500 – 2,000 บาท 5,000 – 30,000 บาท
โรคไข้หวัดใหญ่ 1,500 – 3,000 บาท 15,000 – 80,000 บาท
โรคฉี่หนู 2,000 – 5,000 บาท 50,000 – 200,000 บาท
โรคตาแดง 300 – 1,000 บาท 1,500 – 3,000 บาท

หมายเหตุ: ค่ารักษาในตารางข้างต้นเป็นการประมาณการเบื้องต้น ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามโรงพยาบาล ประเภทห้อง ระยะเวลาการพักรักษา และแนวทางการรักษาเฉพาะราย

 

    แม้ว่าโรคต่าง ๆ ที่มากับฤดูฝนจะสามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขอนามัยและหลีกเลี่ยงความเสี่ยง แต่ในความเป็นจริงเราอาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ไม่คาดฝันได้ทั้งหมด โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศชื้นและเชื้อโรคแพร่กระจายได้ง่าย การเตรียมตัวล่วงหน้าด้วยการมีประกันสุขภาพที่เหมาะสม จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้คุณเข้าถึงการรักษาได้ทันท่วงทีโดยไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น และหากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นจากจุดไหน การเช็กเบี้ยประกันสุขภาพแบบง่าย ๆ ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการวางแผนดูแลสุขภาพให้ครอบคลุมทุกความเสี่ยงในฤดูฝนนี้ สนใจ เช็กเบี้ยประกันสุขภาพ ได้ที่นี่ หรือปรึกษาเรื่องประกันภัยโทร 1737 ยินดีให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง


 

เช็คราคาแผนประกัน

กรอกข้อมูลเพื่อค้นหาแผนประกัน
สุขภาพ
มะเร็ง
ลดหย่อนภาษี

ชื่อ *

นามสกุล *

เพศ *

วัน/เดือน/ปีเกิด *

เบอร์โทรศัพท์มือถือ *

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง