พี่หมี TQM

04/12/68

758,394 ครั้ง

📌เช็คเงินเยียวยาน้ำท่วม 2568 ใครได้สิทธิ์ วิธีลงทะเบียน วิธีเช็คสถานะ

     ช่วงปลายปี 2568 นี้ หลายจังหวัด โดยเฉพาะภาคใต้ ยังเผชิญปัญหาน้ำท่วมต่อเนื่อง บ้านเรือน รถยนต์ และทรัพย์สินเสียหายกันเป็นวงกว้าง รัฐบาลจึงออกมาตรการ “เงินเยียวยาน้ำท่วม 2568” ครัวเรือนละ 9,000 บาท เพื่อช่วยบรรเทาภาระเบื้องต้นให้ผู้ประสบภัย โดยเปิดระบบลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิผ่านเว็บไซต์


Key Takeaway

 

  • เงินเยียวยาน้ำท่วม 9,000 บาท เป็นตัวช่วยสำคัญจากภาครัฐ ที่ออกแบบมาเพื่อบรรเทาทุกข์เร่งด่วนให้ทุกครัวเรือนที่เข้าเกณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม หรือคอนโดในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม
  • การลงทะเบียนผ่าน flood68.disaster.go.th ทั้งแบบออนไลน์และแบบยื่นคำร้องที่ท้องถิ่น เป็นขั้นตอนสำคัญที่ทุกคนควรรีบทำให้เสร็จ และเช็กสถานะเป็นระยะด้วยเลขบัตรประชาชนของตัวเอง
  • การผูก พร้อมเพย์ด้วยเลขบัตรประชาชน ช่วยให้รับเงินได้เร็วขึ้น ลดโอกาสผิดตัวหรือโอนผิดบัญชี

 

📖 รวมไฮไลท์ เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจได้เลย

 


    มาตรการนี้บริหารโดย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ร่วมกับธนาคารออมสิน เป็น “เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยช่วงฤดูฝน ปี 2568” แบบเหมาจ่าย ครัวเรือนละ 9,000 บาท สำหรับบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในพื้นที่ที่มีการประกาศเป็นเขตประสบภัย หรือเขตให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินอย่างเป็นทางการ

 

พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหลัก

    รอบนี้มุ่งที่สถานการณ์อุทกภัย “ช่วงฤดูฝนปี 2568” โดยเฉพาะในภาคใต้ที่หลายจังหวัดมีน้ำท่วมวงกว้าง เช่น สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และบางพื้นที่ภาคกลางอย่างจังหวัดสิงห์บุรีที่ถูกน้ำล้นตลิ่งและท่วมพื้นที่ชุมชน รวมประชาชนที่ได้รับผลกระทบหลายล้านคน

 

ใครมีสิทธิ์รับเงินเยียวยาน้ำท่วม 9,000 บาท

    การจ่ายเงินเยียวยาจะดูจาก ที่อยู่อาศัยประจำ และลักษณะเหตุการณ์น้ำท่วมเป็นหลัก แบ่งเป็น 4 รูปแบบความเสียหาย ดังนี้

 

1. น้ำท่วมขังไม่เกิน 7 วัน และ ทรัพย์สินเสียหาย

  • น้ำท่วมถึงตัวบ้านหรือบริเวณบ้านในระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน
  • ก่อให้เกิดความเสียหายกับทรัพย์สิน เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้จำเป็น
  • ใช้กรณีนี้ถ้าน้ำมาเร็วไปเร็ว แต่บ้านและของใช้เสียหายชัดเจน

 

2. น้ำท่วมขังเกิน 7 วันขึ้นไป

  • น้ำท่วมบริเวณบ้านหรือในบ้าน “ขังต่อเนื่อง” เกิน 7 วัน
  • แม้ทรัพย์สินบางส่วนอาจยังไม่ได้เสียหายหนัก แต่ชีวิตประจำวันถูกรบกวนอย่างมาก
  • มักเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ น้ำระบายช้า

 

3. บ้านถูก “น้ำล้อมรอบ” อยู่ไม่ได้ตามปกติ

  • ระดับน้ำอาจไม่ท่วมพื้นบ้านโดยตรง แต่ล้อมรอบทุกด้าน

  • การเดินทางออกจากบ้านลำบาก เช่น ต้องใช้เรือ หรือเสี่ยงอันตราย

  • ทำให้ไม่สามารถดำรงชีวิตประจำวันได้ เช่น ไปทำงาน โรงเรียน โรงพยาบาลไม่ได้ เกิน 7 วันติดต่อกัน

 

4. อยู่คอนโด/อาคารสูง แต่วิถีชีวิตปกติถูกกระทบเกิน 7 วัน

  • น้ำท่วมไม่ถึงชั้นที่พัก แต่ท่วมบริเวณรอบอาคาร ถนนทางเข้า–ออก

  • ระบบสาธารณูปโภคบางอย่างใช้ไม่ได้ เช่น ไฟฟ้าดับ น้ำประปาไม่ไหล ร้านค้าแถวบ้านปิด

  • ถึงตัวห้องจะไม่เปียกน้ำ แต่ชีวิตโดยรวม “อยู่ลำบาก” ต่อเนื่องเกิน 7 วัน

 

เตรียมตัวก่อนลงทะเบียน - เช็คลิสต์ข้อมูลที่ต้องใช้

การลงทะเบียนทั้งแบบออนไลน์และยื่นเอกสาร ต้องเตรียมข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับ

  • ชื่อ–นามสกุล คำนำหน้า
  • เลขบัตรประชาชน 13 หลัก
  • อายุ และเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้จริง
  • ข้อมูลที่อยู่อาศัยประจำ
    • ประเภทบ้าน: บ้านมีทะเบียนบ้าน / บ้านเช่า / ห้องในอาคารชุด / อื่น ๆ
    • เลขที่บ้าน ชื่อหมู่บ้าน/คอนโด ชั้น หมู่/ชุมชน ซอย ถนน ตำบล/แขวง อำเภอ/เขต จังหวัด
  • ระยะเวลาที่น้ำท่วม/น้ำล้อมรอบ
    • ระบุวันที่เริ่มได้รับผลกระทบ – จนถึงวันที่น้ำลดหรือยังมีน้ำท่วมขัง
  • การมีพร้อมเพย์ที่ผูกเลขบัตรประชาชน
  • เลือก “กรณีขอรับความช่วยเหลือ” ตาม 4 รูปแบบที่ตรงกับสถานการณ์ของบ้านคุณจริง ๆ

 

วิธีลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยาน้ำท่วม 9,000 บาท

ปัจจุบันเปิดให้ลงทะเบียนได้ 2 ช่องทางหลัก คือ ออนไลน์ และยื่นคำร้องด้วยตัวเอง

 

1. ลงทะเบียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์

  1. เข้าเว็บไซต์ flood68.disaster.go.th

  2. กดเลือกแถบสีเหลืองข้อความใกล้เคียงกับ

    “แบบคำร้องขอรับความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน 2568”

  3. ระบบจะแสดงแบบคำร้องออนไลน์ ให้กรอกข้อมูลให้ครบ

    • ข้อมูลส่วนตัว

    • ที่อยู่จริงที่ประสบภัย

    • ประเภทที่อยู่อาศัย

    • วันเริ่ม–สิ้นสุดของน้ำท่วม

    • เลือกกรณีขอรับความช่วยเหลือ (1–4) ให้ตรงกับความเป็นจริง

    • สถานะการผูกพร้อมเพย์

  4. ตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งให้ถูกต้อง แล้วกด “ยืนยัน”

 

สำคัญมาก: หลังจากลงทะเบียนออนไลน์เสร็จแล้ว ต้องไปติดต่อ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือผู้นำชุมชน ในพื้นที่ (เช่น ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน แอดมินหมู่บ้าน ฯลฯ) เพื่อยืนยันว่าบ้านของคุณได้รับผลกระทบจริง ตามขั้นตอนประชาคมหมู่บ้านและคณะกรรมการอำเภอ/จังหวัด

วิธีลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยาน้ำท่วมภาคใต้

2. ยื่นคำร้องด้วยตนเองที่ อปท. ในพื้นที่ประสบภัย

    กรณีไม่สะดวกลงทะเบียนออนไลน์ สามารถยื่นแบบกระดาษได้

  1. เข้าเว็บไซต์ flood68.disaster.go.th
  2. เลือกหัวข้อ “ดาวน์โหลดแบบคำร้อง”
  3. ปริ้นท์แบบฟอร์มออกมา แล้วกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน
  4. นำแบบคำร้องที่กรอกเสร็จ ไปยื่นที่
    • อบต.
    • เทศบาล
    • หรือหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น ๆ ในพื้นที่ประสบภัย

    ปัจจุบันมีการยืนยันจากหน่วยงานรัฐว่า ไม่ต้องแนบสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หรือหนังสือรับรองอื่น ๆ เพิ่มเติม ใช้เพียงการยื่นคำร้องและตรวจสอบข้อมูลผ่านระบบราชการภายในเท่านั้น (แต่ควรพกบัตรประชาชนตัวจริงไปด้วยทุกครั้ง)

 

วิธีกรอกแบบฟอร์มเยียวยาน้ำท่วม 9,000 บาท

แบบฟอร์มจะประกอบด้วยหัวข้อหลัก ๆ ดังนี้

  1. ข้อมูลผู้ประสบภัย

    • คำนำหน้า ชื่อ–นามสกุล

    • เลขบัตรประชาชน 13 หลัก

    • อายุ เบอร์โทรศัพท์

  2. ข้อมูลที่อยู่อาศัยที่ประสบภัย

    • ประเภทบ้าน (บ้านมีทะเบียน บ้านเช่า อาคารชุด ฯลฯ)

    • รายละเอียดที่อยู่: เลขที่บ้าน หมู่บ้าน/คอนโด ชั้น หมู่ ซอย ถนน ตำบล อำเภอ จังหวัด

  3. ข้อมูลช่วงเวลาที่ได้รับผลกระทบ

    • ระบุวันที่เริ่มเกิดน้ำท่วม/น้ำล้อมรอบ

    • และวันที่สิ้นสุด (ถ้ายังท่วม ให้ระบุวันที่ล่าสุดตามความเป็นจริง)

  4. เลือกกรณีขอรับความช่วยเหลือ (1–4)

    • กรณี 1: น้ำท่วม/ดินถล่ม/น้ำป่าไหลหลาก/น้ำล้นตลิ่ง ไม่เกิน 7 วัน และมีทรัพย์สินเสียหาย

    • กรณี 2: น้ำท่วมขังติดต่อกันเกิน 7 วัน

    • กรณี 3: น้ำล้อมรอบบ้าน กระทบการใช้ชีวิตเกิน 7 วัน

    • กรณี 4: อยู่ในอาคารสูง น้ำไม่ถึงชั้นพักอาศัย แต่ได้รับผลกระทบเกิน 7 วัน

  5. ระบุสถานะพร้อมเพย์

    • ทำเครื่องหมายว่า “มี” หรือ “ไม่มี” การผูกพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชน

  6. ลายมือชื่อผู้ยื่นคำร้อง/ผู้ประสบภัย

 

วิธีเช็คสถานะเงินเยียวยาน้ำท่วม 2568 ออนไลน์

    หลังลงทะเบียนและผ่านการยืนยันจากท้องถิ่นแล้ว สามารถตรวจสอบได้ว่าเรื่องถึงไหนแล้ว ผ่านเว็บไซต์ flood68.disaster.go.th โดยมีขั้นตอนคล้ายกันตามสื่อหลายแห่งรายงาน ดังนี้

  1. เข้าเว็บไซต์ flood68.disaster.go.th
  2. เลือกหัวข้อที่เกี่ยวกับ “ตรวจสอบสถานะการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยช่วงฤดูฝน ปี 2568”
  3. กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก (ไม่ต้องเว้นวรรค)
  4. กด “ตรวจสอบสถานะ”
  5. ระบบจะแสดงผล เช่น
    • อยู่ระหว่างอปท./อำเภอ/จังหวัดตรวจสอบ
    • ส่งข้อมูลให้ปภ.แล้ว
    • อนุมัติรอโอนเงิน
    • โอนเงินแล้ว (บางระบบอาจแสดงวันที่โอนด้วย)

วิธีเช็คสถานะเงินเยียวยาน้ำท่วม 2568 ออนไลน์

ถ้าเจอปัญหาเช็คสถานะ/ลงทะเบียนไม่ได้ ต้องทำอย่างไร

    จากข่าวพบว่า ช่วงที่คนเข้าเว็บไซต์พร้อม ๆ กัน ระบบอาจหน่วงหรือเข้าไม่ได้บ้างเป็นระยะ ๆ ลองใช้วิธีนี้ช่วยได้

 

1. ระบบล่ม กดไม่เข้า

  • เปลี่ยนช่วงเวลาเช็ก เช่น ดึก ๆ หรือเช้า ๆ คนใช้น้อยกว่า
  • ลองเปลี่ยนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Wi-Fi / 4G / 5G)

 

2. สถานะ “ไม่พบข้อมูล” ทั้งที่ลงทะเบียนแล้ว

  • เช็กก่อนว่าลงทะเบียนผ่านช่องทางใด (เว็บไซต์ หรือยื่นแบบกระดาษ)
  • ใช้เลขบัตรประชาชนให้ถูกทุกหลัก
  • ถ้ายังไม่ขึ้นจริง ๆ ให้สอบถามกับ
    • อบต./เทศบาลในพื้นที่
    • หรือสายด่วน/ช่องทางติดต่อของปภ.

 

3. ยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์

  • ติดต่อธนาคารใดก็ได้ ใกล้บ้าน เพื่อ ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชน ให้เรียบร้อย
  • เมื่อผูกแล้ว เงินที่รัฐโอนในรอบต่อ ๆ ไปจะเข้าได้รวดเร็วและตรงตัวผู้มีสิทธิ์มากขึ้น

 

4. สถานะขึ้นว่า “โอนแล้ว” แต่ในบัญชีไม่เห็นเงิน

  • ลองรีเฟรชแอปธนาคาร หรือรอดูอีกเล็กน้อย บางครั้งระบบธนาคารหน่วง
  • ถ้าแน่ใจว่าไม่มีจริง ๆ ให้ติดต่อ
    • ธนาคารที่ใช้ พร้อมแนบสเตตเมนต์
    • และขอให้ท้องถิ่น/ปภ.ตรวจสอบข้อมูลการโอนซ้ำอีกครั้ง

 

เงินเยียวยาน้ำท่วม vs ประกันน้ำท่วมบ้านและรถ เหมือนหรือต่างกันยังไง

    หลายคนสงสัยว่า “รับเงินเยียวยาจากรัฐแล้ว ยังเคลมประกันบ้าน/รถได้ไหม?” คำตอบคือ โดยหลักการแล้วเป็นคนละช่องทาง คนละสิทธิ์กัน

 

เงินเยียวยาจากรัฐ

  • เป็นการช่วยเหลือ เชิงสังคม เพื่อบรรเทาทุกข์เบื้องต้น
  • จ่ายในอัตรา “เหมาจ่ายครัวเรือนละ 9,000 บาท” ไม่ได้คิดจากความเสียหายจริงทุกบาททุกสตางค์
  • ใช้สำหรับทุกครัวเรือนที่เข้าเกณฑ์ ไม่ว่าบ้านนั้นจะมีหรือไม่มีประกัน

 

ประกันภัยน้ำท่วมบ้าน

ส่วนใหญ่จะผูกมากับ ประกันอัคคีภัย/ประกันบ้าน ที่เพิ่มความคุ้มครองภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ลมพายุ ฟ้าผ่า ฯลฯ โดยเงื่อนไขแต่ละบริษัทไม่เท่ากัน แต่ภาพรวมคือ

  • คุ้มครองโครงสร้างบ้าน และ/หรือทรัพย์สินภายในบ้าน ตามทุนประกันที่เลือก
  • วงเงินชดเชยอาจสูงกว่าค่าเยียวยารัฐหลายเท่า เช่น หลักแสน–หลักล้านบาท ขึ้นอยู่กับทุนประกันที่ซื้อไว้
  • บางแบบมีความคุ้มครองของเสียหายชั่วคราว ค่าเช่าบ้านพักระหว่างซ่อม ฯลฯ

 

ประกันรถยนต์คุ้มครองน้ำท่วม

โดยทั่วไป

  • ประกันรถยนต์ชั้น 1 จะคุ้มครองกรณีรถน้ำท่วมในวงเงินทุนประกัน ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์
  • ประกันบางแบบ เช่น ชั้น 2+ หรือ 3+ ของบางบริษัทก็อาจครอบคลุมภัยน้ำท่วมด้วย (ขึ้นอยู่กับแบบและข้อยกเว้น)
  • การเคลมประกันน้ำท่วม จะต้องแจ้งบริษัทประกันทันที ถ่ายรูป/บันทึกความเสียหาย ไม่สตาร์ทรถซ้ำ และทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่

 

สรุปสั้น ๆ

  • เงินเยียวยา 9,000 บาท = ช่วยตั้งหลัก
  • ประกันน้ำท่วมบ้าน/รถ = ช่วยชดเชยความเสียหาย “ตามจริง” ภายใต้ทุนประกัน

 

    อย่างไรก็ตามหากเกิดเหตุน้ำท่วมครั้งต่อไป นอกจากเงินเยียวยาจากรัฐที่ช่วยตั้งหลักเบื้องต้น การมี ประกันน้ำท่วมบ้านและประกันรถที่คุ้มครองชัดเจน จะช่วยให้คุณเคลมค่าสินไหมได้ตามมูลค่าความเสียหายจริง ลดภาระเงินก้อนที่ต้องควักจากกระเป๋าตัวเอง และทำให้กลับมาตั้งตัวหลังน้ำลดได้เร็วขึ้นมาก สรุปคือ วันนี้รีบ เช็คสิทธิ์เยียวยาน้ำท่วม 9,000 บาท ให้เรียบร้อย แล้วใช้จังหวะนี้ทบทวนด้วยว่า บ้านและรถของคุณพร้อมรับมือ “น้ำท่วมครั้งต่อไป” ด้วยประกันที่เหมาะสมแล้วหรือยัง หากยังไม่แน่ใจ สามารถปรึกษาเรื่องประกันภัยกับ TQM โทร 1737 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

04/12/68

758,394 ครั้ง

พี่หมี TQM

ผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัยจาก TQM Insurance Broker | 2101 บทความ

พี่หมี TQM ผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัย ดูแลเรื่องรถ บ้าน สุขภาพ และการเดินทาง เพื่อให้ทุกคนใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ เหมือนมีเพื่อนคอยดูแลอยู่ข้างๆ

เช็คราคาแผนประกัน

กรอกข้อมูลเพื่อค้นหาแผนประกัน

ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อ *

นามสกุล *

เบอร์โทรศัพท์มือถือ *

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง