เช็คราคาแผนประกัน
กรอกข้อมูลเพื่อค้นหาแผนประกัน
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ *
นามสกุล *
เบอร์โทรศัพท์มือถือ *
ช่วงปลายปี 2568 นี้ หลายจังหวัด โดยเฉพาะภาคใต้ ยังเผชิญปัญหาน้ำท่วมต่อเนื่อง บ้านเรือน รถยนต์ และทรัพย์สินเสียหายกันเป็นวงกว้าง รัฐบาลจึงออกมาตรการ “เงินเยียวยาน้ำท่วม 2568” ครัวเรือนละ 9,000 บาท เพื่อช่วยบรรเทาภาระเบื้องต้นให้ผู้ประสบภัย โดยเปิดระบบลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิผ่านเว็บไซต์
Key Takeaway
📖 รวมไฮไลท์ เลือกอ่านหัวข้อที่สนใจได้เลย
มาตรการนี้บริหารโดย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ร่วมกับธนาคารออมสิน เป็น “เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยช่วงฤดูฝน ปี 2568” แบบเหมาจ่าย ครัวเรือนละ 9,000 บาท สำหรับบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในพื้นที่ที่มีการประกาศเป็นเขตประสบภัย หรือเขตให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินอย่างเป็นทางการ
รอบนี้มุ่งที่สถานการณ์อุทกภัย “ช่วงฤดูฝนปี 2568” โดยเฉพาะในภาคใต้ที่หลายจังหวัดมีน้ำท่วมวงกว้าง เช่น สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และบางพื้นที่ภาคกลางอย่างจังหวัดสิงห์บุรีที่ถูกน้ำล้นตลิ่งและท่วมพื้นที่ชุมชน รวมประชาชนที่ได้รับผลกระทบหลายล้านคน
การจ่ายเงินเยียวยาจะดูจาก ที่อยู่อาศัยประจำ และลักษณะเหตุการณ์น้ำท่วมเป็นหลัก แบ่งเป็น 4 รูปแบบความเสียหาย ดังนี้
ระดับน้ำอาจไม่ท่วมพื้นบ้านโดยตรง แต่ล้อมรอบทุกด้าน
การเดินทางออกจากบ้านลำบาก เช่น ต้องใช้เรือ หรือเสี่ยงอันตราย
ทำให้ไม่สามารถดำรงชีวิตประจำวันได้ เช่น ไปทำงาน โรงเรียน โรงพยาบาลไม่ได้ เกิน 7 วันติดต่อกัน
น้ำท่วมไม่ถึงชั้นที่พัก แต่ท่วมบริเวณรอบอาคาร ถนนทางเข้า–ออก
ระบบสาธารณูปโภคบางอย่างใช้ไม่ได้ เช่น ไฟฟ้าดับ น้ำประปาไม่ไหล ร้านค้าแถวบ้านปิด
ถึงตัวห้องจะไม่เปียกน้ำ แต่ชีวิตโดยรวม “อยู่ลำบาก” ต่อเนื่องเกิน 7 วัน
การลงทะเบียนทั้งแบบออนไลน์และยื่นเอกสาร ต้องเตรียมข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับ
ปัจจุบันเปิดให้ลงทะเบียนได้ 2 ช่องทางหลัก คือ ออนไลน์ และยื่นคำร้องด้วยตัวเอง
เข้าเว็บไซต์ flood68.disaster.go.th
กดเลือกแถบสีเหลืองข้อความใกล้เคียงกับ
“แบบคำร้องขอรับความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน 2568”
ระบบจะแสดงแบบคำร้องออนไลน์ ให้กรอกข้อมูลให้ครบ
ข้อมูลส่วนตัว
ที่อยู่จริงที่ประสบภัย
ประเภทที่อยู่อาศัย
วันเริ่ม–สิ้นสุดของน้ำท่วม
เลือกกรณีขอรับความช่วยเหลือ (1–4) ให้ตรงกับความเป็นจริง
สถานะการผูกพร้อมเพย์
ตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งให้ถูกต้อง แล้วกด “ยืนยัน”
สำคัญมาก: หลังจากลงทะเบียนออนไลน์เสร็จแล้ว ต้องไปติดต่อ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือผู้นำชุมชน ในพื้นที่ (เช่น ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน แอดมินหมู่บ้าน ฯลฯ) เพื่อยืนยันว่าบ้านของคุณได้รับผลกระทบจริง ตามขั้นตอนประชาคมหมู่บ้านและคณะกรรมการอำเภอ/จังหวัด

กรณีไม่สะดวกลงทะเบียนออนไลน์ สามารถยื่นแบบกระดาษได้
ปัจจุบันมีการยืนยันจากหน่วยงานรัฐว่า ไม่ต้องแนบสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หรือหนังสือรับรองอื่น ๆ เพิ่มเติม ใช้เพียงการยื่นคำร้องและตรวจสอบข้อมูลผ่านระบบราชการภายในเท่านั้น (แต่ควรพกบัตรประชาชนตัวจริงไปด้วยทุกครั้ง)
แบบฟอร์มจะประกอบด้วยหัวข้อหลัก ๆ ดังนี้
ข้อมูลผู้ประสบภัย
คำนำหน้า ชื่อ–นามสกุล
เลขบัตรประชาชน 13 หลัก
อายุ เบอร์โทรศัพท์
ข้อมูลที่อยู่อาศัยที่ประสบภัย
ประเภทบ้าน (บ้านมีทะเบียน บ้านเช่า อาคารชุด ฯลฯ)
รายละเอียดที่อยู่: เลขที่บ้าน หมู่บ้าน/คอนโด ชั้น หมู่ ซอย ถนน ตำบล อำเภอ จังหวัด
ข้อมูลช่วงเวลาที่ได้รับผลกระทบ
ระบุวันที่เริ่มเกิดน้ำท่วม/น้ำล้อมรอบ
และวันที่สิ้นสุด (ถ้ายังท่วม ให้ระบุวันที่ล่าสุดตามความเป็นจริง)
เลือกกรณีขอรับความช่วยเหลือ (1–4)
กรณี 1: น้ำท่วม/ดินถล่ม/น้ำป่าไหลหลาก/น้ำล้นตลิ่ง ไม่เกิน 7 วัน และมีทรัพย์สินเสียหาย
กรณี 2: น้ำท่วมขังติดต่อกันเกิน 7 วัน
กรณี 3: น้ำล้อมรอบบ้าน กระทบการใช้ชีวิตเกิน 7 วัน
กรณี 4: อยู่ในอาคารสูง น้ำไม่ถึงชั้นพักอาศัย แต่ได้รับผลกระทบเกิน 7 วัน
ระบุสถานะพร้อมเพย์
ทำเครื่องหมายว่า “มี” หรือ “ไม่มี” การผูกพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชน
ลายมือชื่อผู้ยื่นคำร้อง/ผู้ประสบภัย
หลังลงทะเบียนและผ่านการยืนยันจากท้องถิ่นแล้ว สามารถตรวจสอบได้ว่าเรื่องถึงไหนแล้ว ผ่านเว็บไซต์ flood68.disaster.go.th โดยมีขั้นตอนคล้ายกันตามสื่อหลายแห่งรายงาน ดังนี้

จากข่าวพบว่า ช่วงที่คนเข้าเว็บไซต์พร้อม ๆ กัน ระบบอาจหน่วงหรือเข้าไม่ได้บ้างเป็นระยะ ๆ ลองใช้วิธีนี้ช่วยได้
หลายคนสงสัยว่า “รับเงินเยียวยาจากรัฐแล้ว ยังเคลมประกันบ้าน/รถได้ไหม?” คำตอบคือ โดยหลักการแล้วเป็นคนละช่องทาง คนละสิทธิ์กัน
ส่วนใหญ่จะผูกมากับ ประกันอัคคีภัย/ประกันบ้าน ที่เพิ่มความคุ้มครองภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ลมพายุ ฟ้าผ่า ฯลฯ โดยเงื่อนไขแต่ละบริษัทไม่เท่ากัน แต่ภาพรวมคือ
โดยทั่วไป
สรุปสั้น ๆ
อย่างไรก็ตามหากเกิดเหตุน้ำท่วมครั้งต่อไป นอกจากเงินเยียวยาจากรัฐที่ช่วยตั้งหลักเบื้องต้น การมี ประกันน้ำท่วมบ้านและประกันรถที่คุ้มครองชัดเจน จะช่วยให้คุณเคลมค่าสินไหมได้ตามมูลค่าความเสียหายจริง ลดภาระเงินก้อนที่ต้องควักจากกระเป๋าตัวเอง และทำให้กลับมาตั้งตัวหลังน้ำลดได้เร็วขึ้นมาก สรุปคือ วันนี้รีบ เช็คสิทธิ์เยียวยาน้ำท่วม 9,000 บาท ให้เรียบร้อย แล้วใช้จังหวะนี้ทบทวนด้วยว่า บ้านและรถของคุณพร้อมรับมือ “น้ำท่วมครั้งต่อไป” ด้วยประกันที่เหมาะสมแล้วหรือยัง หากยังไม่แน่ใจ สามารถปรึกษาเรื่องประกันภัยกับ TQM โทร 1737 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
758,394 ครั้ง
พี่หมี TQM
ผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัยจาก TQM Insurance Broker | 2101 บทความ
พี่หมี TQM ผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัย ดูแลเรื่องรถ บ้าน สุขภาพ และการเดินทาง เพื่อให้ทุกคนใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ เหมือนมีเพื่อนคอยดูแลอยู่ข้างๆ
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ *
นามสกุล *
เบอร์โทรศัพท์มือถือ *