วิธีเช็คอู่ในบริการของสินทรัพย์ประกันภัย

05/04/2019 | กฎหมายเรื่องรถ และประกัน | วิธีเช็คอู่ในบริการของสินทรัพย์ประกันภัย

วิธีเช็คอู่ในบริการของสินทรัพย์ประกันภัย

โดยปกติแล้วเวลาเราเลือกทำประกันรถยนต์กับบริษัทไหน ก็จะดูที่อู่ซ่อมเป็นหลัก ถ้ามีอู่ซ่อมง่าย ใกล้บ้าน บริการดี ก็จะเลือกทำประกันรถยนต์กับเจ้านั้นเป็นหลัก ในวันนี้ TQM ก็มีอีกหนึ่งประกันภัยที่จะมาแนะนำให้คุณรู้จัก นั่นก็คือ “สินทรัพย์ประกันภัย” ครับ

สินทรัพย์ประกันภัย เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ได้รับการอนุญาตจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ให้ดำเนินกิจการประกันภัยได้อย่างถูกต้อง โดยมีผลิตภัณฑ์และบริการทั้งประกันอุบัติเหตุรถยนต์ พ.ร.บ., ประกันอุบัติเหตุการเดินทาง, ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล PA และ ประกันภัยเกี่ยวกับบ้าน

โดยประกันภัยรถยนต์ระดับสูงสุดที่ให้บริการคือประกันรถยนต์ประเภท 2 พิเศษ (2+) และมีประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 พิเศษ และ ประเภท 3 รวม พ.ร.บ. อีกด้วย ปัจจุบันมีอู่ในเครือที่ให้บริการรับซ่อม อยู่ 807 อู่ด้วยกัน ค้นหาอู่ซ่อมใกล้บ้านได้ด้วยระบบค้นหาของเว็บไซค์ TQM ได้เลยครับ

ยกตัวอย่าง
ความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ประเภทชั้น 2 พิเศษ

ประกันภัยรถยนต์ประเภทชั้น 2 พิเศษ นี้รับเฉพาะรถส่วนบุคคลที่เป็นรถเก๋ง (สินทรัพย์ประกันภัยไม่ได้รับทำประกันภัยรถยนต์กลุ่มรถแท็กซี่) อายุไม่เกิน 15 ปี และ รถกระบะ อายุไม่เกิน 10 ปี โดยไม่รับรถดัดแปลง รถนำเข้า ที่ตรงกับรถยนต์กลุ่มที่ 1 และให้ความคุ้มครองสูงถึง 500,000 บาท หากรถเกิดไฟไหม้ สูญหาย ตามตารางเบี้ยด้านล่างนี้ และหากเกิดอุบัติเหตุรถชน (พาหนะทางบก) จะคุ้มครองค่าซ่อมวงเงิน 150,000 บาท แต่มีหมายเหตุว่า ไม่คุ้มครองหากรถพลิกคว่ำ หรือชนกับวัตถุกีดขวางใด ๆ (ข้อมูลเพิ่มเติม : www.asset.co.th)

วิธีการเช็คอู่ที่รับเคลมประกันรถยนต์กับสินทรัพย์ประกันภัยนั้นไม่ยาก มีให้เลือกถึง 807 อู่ทั่วประเทศ โดย คลิกเข้ามาเช็คอู่รับเคลมกับสินทรัพย์ประกันภัย ได้ที่นี่

นอกจากนี้ สินทรัพย์ประกันภัย ยังเข้าร่วมกับโครงการ “ชนแล้ว ถ่ายรูปไว้ แยกได้ ไม่ต้องรอ” อีกด้วย ทำให้การเคลมประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจนั้นง่ายขึ้น ลดปัญหาการจราจร ลดงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะสินทรัพย์ประกันภัยมีผลิตภัณฑ์ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+, 2, 3+ และ 3 นั่นเอง ซึ่งเข้าเกณฑ์ในการร่วมโครงการนี้ ขั้นตอนง่าย ๆ ก็คือ เมื่อเกิดเหตุรถชนกัน ให้ถ่ายรูปเก็บไว้โดยเห็นภาพรวมการเกิดเหตุ และถ่ายภาพหมายเลขทะเบียนรถ แล้วค่อยเคลื่อนรถเข้าสู่ช่องไหล่ทางที่ไม่ขวางทางจราจร ที่สำคัญคือตอนถ่ายภาพรวมที่เกิดเหตุ ต้องถ่ายให้เห็นพื้นที่เกิดเหตุชัด ๆ เพียงเท่านี้ก็ประหยัดเวลา และเคลมสะดวกขึ้นแล้วครับ