เช็คราคาแผนประกัน
กรอกข้อมูลเพื่อค้นหาแผนประกัน
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ *
นามสกุล *
เบอร์โทรศัพท์มือถือ *
|
อ่านแล้ว 31 ครั้ง
การทำประกันภัยรถยนต์ สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่ทราบคือ รถแต่ละคันจะถูกจัดให้อยู่ใน “กลุ่มรถยนต์ในประกันรถยนต์” ซึ่งการจัดกลุ่มนี้ไม่ได้ทำขึ้นเพื่อความซับซ้อน แต่มีเหตุผลที่ชัดเจนในการประเมินความเสี่ยงและคำนวณเบี้ยประกันให้เหมาะสม โดย ประเภทกลุ่มรถยนต์ จะพิจารณาจากปัจจัยหลายด้าน เช่น ขนาดรถ เครื่องยนต์ ราคากลาง ความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม แล้วกลุ่มรถยนต์ในประกันรถยนต์คืออะไร? ต่างกันอย่างไร ส่งผลต่อค่าเบี้ยประกันอย่างไรบ้าง วันนี้พี่หมี TQM มีคำตอบมาฝากครับ
กลุ่มรถยนต์ในประกันรถยนต์ คือการจัดประเภทของรถตามลักษณะการใช้งาน ประเภทรถ รูปแบบตัวถัง และความเสี่ยงในการขับขี่ เพื่อนำมาใช้คำนวณอัตราเบี้ยประกันที่เหมาะสม โดยหลักการแล้ว บริษัทประกันจะพิจารณาว่ารถกลุ่มใดมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูง หรือหากเกิดความเสียหายแล้วจะมีค่าซ่อมแพง ซึ่งยิ่งเสี่ยงมาก เบี้ยประกันก็จะยิ่งสูงตามไปด้วย โดยสาเหตุที่ต้องจัดกลุ่มรถยนต์ มีดังนี้
คำถามที่ว่า รถยนต์แบ่งเป็นกี่กลุ่ม คำตอบคือ ไม่มีตัวเลขตายตัว เพราะแต่ละบริษัทใช้โมเดลประเมินต่างกัน แต่เพื่อให้เห็นภาพ การจัด ประเภทกลุ่มรถยนต์ ที่พบบ่อยอาจดูตาม “ลักษณะการใช้งานและตัวถัง” ดังนี้
ใช้งานประจำวันทั่วไป ความเสี่ยงกลางๆมักได้เบี้ยสมดุลในหลายบริษัท เพราะอยู่ใน กลุ่มรถยนต์ ในประกันรถยนต์ ที่สถิติชัดเจน
ช่วงล่างสูง บรรทุกผู้โดยสาร/สัมภาระมากขึ้น เบี้ยอาจสูงกว่าเก๋งเล็กน้อยในหลายแผน เพราะน้ำหนัก/มูลค่าและการใช้งาน
ใช้ส่วนบุคคลหรือพาณิชย์เบาๆ บาง ประเภทกลุ่มรถยนต์ของกระบะมีเบี้ยสูงกว่าเก๋ง เนื่องจากบรรทุก/ใช้งานหนักกว่า
บรรทุกคนหลายที่นั่ง ความเสี่ยงด้านผู้โดยสารเพิ่มอยู่ใน กลุ่มรถยนต์ในประกันรถยนต์ ที่ต้องดูจำนวนที่นั่งและการใช้งานจริง
วิ่งเยอะ ชั่วโมงใช้งานสูง สัมผัสความเสี่ยงมาก มักอยู่ในประเภทกลุ่มรถยนต์ ที่มีเงื่อนไขเฉพาะ และเบี้ยสูงกว่าใช้งานส่วนบุคคล
ความเสี่ยงจากน้ำหนัก/การบรรทุก, ระยะทางไกลเป็น กลุ่มรถยนต์ ในประกันรถยนต์ ที่ต้องระบุงานและน้ำหนักชัดเจน
อาจเปลี่ยน “ลักษณะความเสี่ยง” และเข้า ประเภทกลุ่มรถยนต์ ที่ต่างจากรถเดิม บริษัทมักขอรายละเอียดรูปภาพ/สเปกก่อนคำนวณ
ค่าอะไหล่เฉพาะทาง, แบตเตอรี่มีมูลค่าสูงหลายบริษัทมี ประเภทกลุ่มรถยนต์ แยกสำหรับ EV
เป็นกลุ่มรถมูลค่าสูง อะไหล่/ซ่อมแพง ความเร็วสูงเป็น กลุ่มรถยนต์ ในประกันรถยนต์ ที่มีเงื่อนไขเฉพาะ บริษัทรับน้อย/เลือกอู่เฉพาะ
การจัดประเภทกลุ่มรถยนต์ มีผลชัดเจนต่อเบี้ยประกัน โดยสามารถอธิบายได้ดังนี้
หากรถอยู่ในกลุ่มที่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูง เช่น รถตู้โดยสารหรือรถบรรทุก เบี้ยประกันจะสูงกว่าเก๋งหรือกระบะส่วนบุคคล
รถหรูหรือรถนำเข้า มักถูกจัดอยู่ใน กลุ่มรถยนต์ในประกันรถยนต์ ที่เบี้ยสูงกว่า เพราะค่าซ่อมและอะไหล่แพง
รถที่ใช้ในเชิงพาณิชย์มักมีการวิ่งถนนมากกว่า และเสี่ยงต่ออุบัติเหตุสูงกว่า ทำให้เบี้ยสูงกว่ารถส่วนบุคคลที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
หากรถมีราคาสูง เบี้ยประกันก็สูงตามไปด้วย เนื่องจากค่าซ่อมแซมและอะไหล่มีมูลค่าสูง
การเข้าใจกลุ่มรถยนต์ในประกันรถยนต์ จะช่วยให้ผู้เอาประกันสามารถเลือกแผนความคุ้มครองที่ตรงกับการใช้งานจริง และเข้าใจว่าเหตุใดเบี้ยประกันของแต่ละคนจึงแตกต่างกัน ดังนั้นก่อนทำประกัน ควรตรวจสอบให้แน่ชัดว่ารถของคุณถูกจัดอยู่ใน ประเภทกลุ่มรถยนต์ไหน เพื่อป้องกันการคำนวณเบี้ยที่คลาดเคลื่อน และเลือกความคุ้มครองได้ตรงความต้องการมากที่สุด
และหากใครกำลังมองหาประกันรถยนต์ไว้คอยดูแล ช่วยจัดการเรื่องไม่คาดฝัน คุ้มครองทั้งตัวรถและคุณ สนใจเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ ราคาสุดคุ้ม เพียงกรอกข้อมูลที่กล่องด้านล่างเพื่อค้นหาแผนประกันตรงใจ หรือทักแชทหาพี่หมี TQM ได้ที่นี่ หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ผ่านทาง Hotline 1737 ยินดีให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงครับ
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ *
นามสกุล *
เบอร์โทรศัพท์มือถือ *