27/08/68

|

อ่านแล้ว 31 ครั้ง

กลุ่มรถยนต์ในประกันรถยนต์ คืออะไร ส่งผลต่อค่าเบี้ยประกันอย่างไร

     การทำประกันภัยรถยนต์ สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่ทราบคือ รถแต่ละคันจะถูกจัดให้อยู่ใน “กลุ่มรถยนต์ในประกันรถยนต์” ซึ่งการจัดกลุ่มนี้ไม่ได้ทำขึ้นเพื่อความซับซ้อน แต่มีเหตุผลที่ชัดเจนในการประเมินความเสี่ยงและคำนวณเบี้ยประกันให้เหมาะสม โดย ประเภทกลุ่มรถยนต์ จะพิจารณาจากปัจจัยหลายด้าน เช่น ขนาดรถ เครื่องยนต์ ราคากลาง ความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม แล้วกลุ่มรถยนต์ในประกันรถยนต์คืออะไร? ต่างกันอย่างไร ส่งผลต่อค่าเบี้ยประกันอย่างไรบ้าง วันนี้พี่หมี TQM มีคำตอบมาฝากครับ

กลุ่มรถยนต์ในประกันรถยนต์ คืออะไร

กลุ่มรถยนต์ในประกันรถยนต์ คืออะไร

     กลุ่มรถยนต์ในประกันรถยนต์ คือการจัดประเภทของรถตามลักษณะการใช้งาน ประเภทรถ รูปแบบตัวถัง และความเสี่ยงในการขับขี่ เพื่อนำมาใช้คำนวณอัตราเบี้ยประกันที่เหมาะสม โดยหลักการแล้ว บริษัทประกันจะพิจารณาว่ารถกลุ่มใดมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูง หรือหากเกิดความเสียหายแล้วจะมีค่าซ่อมแพง ซึ่งยิ่งเสี่ยงมาก เบี้ยประกันก็จะยิ่งสูงตามไปด้วย โดยสาเหตุที่ต้องจัดกลุ่มรถยนต์ มีดังนี้

 

    • ช่วยคำนวณเบี้ยให้สอดคล้องต้นทุนจริง
    • ทำให้เปรียบเทียบแบบประกันได้ง่ายขึ้น
    • ควบคุมความเสี่ยงของบริษัทประกัน
    • ผู้เอาประกันเข้าใจว่าทำไมเบี้ยรุ่นนี้/รุ่นนั้นต่างกัน

 

รถยนต์แบ่งเป็นกี่กลุ่ม มีอะไรบ้าง

     คำถามที่ว่า รถยนต์แบ่งเป็นกี่กลุ่ม คำตอบคือ ไม่มีตัวเลขตายตัว เพราะแต่ละบริษัทใช้โมเดลประเมินต่างกัน แต่เพื่อให้เห็นภาพ การจัด ประเภทกลุ่มรถยนต์ ที่พบบ่อยอาจดูตาม “ลักษณะการใช้งานและตัวถัง” ดังนี้

 

1. รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ≤ 7 ที่นั่ง (เก๋ง/แฮทช์แบ็ก/ซีดาน)

     ใช้งานประจำวันทั่วไป ความเสี่ยงกลางๆมักได้เบี้ยสมดุลในหลายบริษัท เพราะอยู่ใน กลุ่มรถยนต์ ในประกันรถยนต์ ที่สถิติชัดเจน

 

2. รถอเนกประสงค์ (SUV/PPV/Crossover/MPV)

     ช่วงล่างสูง บรรทุกผู้โดยสาร/สัมภาระมากขึ้น เบี้ยอาจสูงกว่าเก๋งเล็กน้อยในหลายแผน เพราะน้ำหนัก/มูลค่าและการใช้งาน

 

3. รถกระบะ (ตอนเดียว/แค็บ/4 ประตู)

     ใช้ส่วนบุคคลหรือพาณิชย์เบาๆ บาง ประเภทกลุ่มรถยนต์ของกระบะมีเบี้ยสูงกว่าเก๋ง เนื่องจากบรรทุก/ใช้งานหนักกว่า

 

4. รถตู้/โดยสารส่วนบุคคล

     บรรทุกคนหลายที่นั่ง ความเสี่ยงด้านผู้โดยสารเพิ่มอยู่ใน กลุ่มรถยนต์ในประกันรถยนต์ ที่ต้องดูจำนวนที่นั่งและการใช้งานจริง

 

5. รถรับจ้างสาธารณะ (แท็กซี่, แกร็บไลเซนส์, รถร่วมบริการสาธารณะ)

     วิ่งเยอะ ชั่วโมงใช้งานสูง สัมผัสความเสี่ยงมาก มักอยู่ในประเภทกลุ่มรถยนต์ ที่มีเงื่อนไขเฉพาะ และเบี้ยสูงกว่าใช้งานส่วนบุคคล

 

6. รถเพื่อการพาณิชย์/ขนส่ง (บรรทุกเล็ก–ใหญ่, รถหกล้อ–สิบล้อ)

     ความเสี่ยงจากน้ำหนัก/การบรรทุก, ระยะทางไกลเป็น กลุ่มรถยนต์ ในประกันรถยนต์ ที่ต้องระบุงานและน้ำหนักชัดเจน

 

7. รถดัดแปลง/ติดตั้งอุปกรณ์ (เช่น ตู้แห้ง โครงเหล็ก ยกสูง เปลี่ยนล้อใหญ่)

     อาจเปลี่ยน “ลักษณะความเสี่ยง” และเข้า ประเภทกลุ่มรถยนต์ ที่ต่างจากรถเดิม บริษัทมักขอรายละเอียดรูปภาพ/สเปกก่อนคำนวณ

 

8. รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV)/ไฮบริด

     ค่าอะไหล่เฉพาะทาง, แบตเตอรี่มีมูลค่าสูงหลายบริษัทมี ประเภทกลุ่มรถยนต์ แยกสำหรับ EV

 

9. รถหรู/สปอร์ต/ซูเปอร์คาร์

     เป็นกลุ่มรถมูลค่าสูง อะไหล่/ซ่อมแพง ความเร็วสูงเป็น กลุ่มรถยนต์ ในประกันรถยนต์ ที่มีเงื่อนไขเฉพาะ บริษัทรับน้อย/เลือกอู่เฉพาะ

รถยนต์แบ่งเป็นกี่กลุ่ม มีอะไรบ้าง

กลุ่มรถยนต์ แต่ละประเภทส่งผลต่อเบี้ยประกันอย่างไร

     การจัดประเภทกลุ่มรถยนต์ มีผลชัดเจนต่อเบี้ยประกัน โดยสามารถอธิบายได้ดังนี้

 

1. ยิ่งเสี่ยงมาก เบี้ยยิ่งสูง

     หากรถอยู่ในกลุ่มที่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูง เช่น รถตู้โดยสารหรือรถบรรทุก เบี้ยประกันจะสูงกว่าเก๋งหรือกระบะส่วนบุคคล

 

2. ค่าซ่อมและอะไหล่มีผลต่อกลุ่ม

     รถหรูหรือรถนำเข้า มักถูกจัดอยู่ใน กลุ่มรถยนต์ในประกันรถยนต์ ที่เบี้ยสูงกว่า เพราะค่าซ่อมและอะไหล่แพง

 

3. การใช้งานของรถมีผลโดยตรง

     รถที่ใช้ในเชิงพาณิชย์มักมีการวิ่งถนนมากกว่า และเสี่ยงต่ออุบัติเหตุสูงกว่า ทำให้เบี้ยสูงกว่ารถส่วนบุคคลที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

 

4. ราคากลางของรถ

     หากรถมีราคาสูง เบี้ยประกันก็สูงตามไปด้วย เนื่องจากค่าซ่อมแซมและอะไหล่มีมูลค่าสูง

 

5. ปัจจัยอื่นที่ทำให้ค่าเบี้ยต่างได้ แม้อยู่กลุ่มเดียวกัน

    • ประเภทของประกันรถยนต์ : ประกันชั้น 1 คุ้มครองกว้างสุด เบี้ยจึงสูงกว่าประกันชั้นอื่นๆ 
    • ซ่อมห้าง vs ซ่อมอู่ : ซ่อมห้างมักแพงกว่า แต่ได้อะไหล่แท้และมาตรฐานศูนย์
    • ระบุผู้ขับ/อายุผู้ขับ : การทำประกันระบุชื่อคนขับ/อายุ บางกรณีช่วยลดเบี้ย
    • ประวัติการเคลม (No-Claim) : หากเป็นผู้ขับขี่ประวัติดีปีที่แล้วไม่เคลม อาจได้ส่วนลดประวัติดีในการต่ออายุประกัน
    • ค่า Deductible (ส่วนลดค่าเสียหายส่วนแรก) : ยอมร่วมจ่ายเล็กน้อยตอนเกิดเหตุ เพื่อแลกส่วนลดเบี้ย
    • พื้นที่ใช้งาน/ที่จอด : เสี่ยงโจรกรรมหรืออุบัติเหตุสูง–ต่ำไม่เท่ากัน

 

กลุ่มรถยนต์ส่งผลต่อเบี้ยประกันอย่างไร

     การเข้าใจกลุ่มรถยนต์ในประกันรถยนต์ จะช่วยให้ผู้เอาประกันสามารถเลือกแผนความคุ้มครองที่ตรงกับการใช้งานจริง และเข้าใจว่าเหตุใดเบี้ยประกันของแต่ละคนจึงแตกต่างกัน ดังนั้นก่อนทำประกัน ควรตรวจสอบให้แน่ชัดว่ารถของคุณถูกจัดอยู่ใน ประเภทกลุ่มรถยนต์ไหน เพื่อป้องกันการคำนวณเบี้ยที่คลาดเคลื่อน และเลือกความคุ้มครองได้ตรงความต้องการมากที่สุด

 

     และหากใครกำลังมองหาประกันรถยนต์ไว้คอยดูแล ช่วยจัดการเรื่องไม่คาดฝัน คุ้มครองทั้งตัวรถและคุณ สนใจเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ ราคาสุดคุ้ม เพียงกรอกข้อมูลที่กล่องด้านล่างเพื่อค้นหาแผนประกันตรงใจ หรือทักแชทหาพี่หมี TQM ได้ที่นี่ หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ผ่านทาง Hotline 1737 ยินดีให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงครับ

เช็กเบี้ยประกันรถยนต์

เช็คราคาแผนประกัน

กรอกข้อมูลเพื่อค้นหาแผนประกัน

ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อ *

นามสกุล *

เบอร์โทรศัพท์มือถือ *

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง