แจ้งเคลมประกันรถ เสียประวัติจริงไหม ส่งผลต่อเบี้ยปีหน้าหรือเปล่า

     การแจ้งเคลมประกันรถ เป็นเรื่องที่เจ้าของรถหลายคนอาจจะกังวล โดยเฉพาะคำถามยอดฮิตว่า เคลมประกันรถยนต์ เสียประวัติไหม หรือ เคลมประกันรถยนต์บ่อยๆ ส่งผลอย่างไร วันนีพี่หมี TQM จะพาไปไขทุกข้อสงสัยอย่างละเอียด พร้อมคำแนะนำในการดูแลประวัติการเคลมให้ดี เพื่อประโยชน์ในอนาคตกันครับ

แจ้งเคลมประกันรถ คืออะไร

     ก่อนจะลงลึกถึงผลกระทบของการแจ้งเคลม เราต้องเข้าใจความหมายที่ถูกต้องของคำว่า แจ้งเคลมประกันรถ ก่อนการแจ้งเคลมประกันรถยนต์คือการแจ้งเหตุหรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของคุณให้บริษัทประกันภัยทราบ เพื่อขอรับการชดเชยค่าเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์

 

ประเภทของการเคลมประกันรถยนต์

• • เคลมสด : เป็นการแจ้งเคลมทันที ณ จุดเกิดเหตุหลังอุบัติเหตุ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ประกันภัยเดินทางมายังที่เกิดเหตุทันที เพื่อประเมินความเสียหายและออกเอกสารรับรองให้ดำเนินการซ่อมแซมต่อไปได้
  • เคลมแห้ง : เป็นการแจ้งเคลมภายหลังเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว เหมาะกับเหตุการณ์ที่ไม่มีคู่กรณีหรือความเสียหายเล็กน้อย เช่น จอดรถอยู่ดีๆ แล้วโดนขูด กลับบ้านมาเพิ่งเห็น จึงแจ้งเคลมในวันถัดไป

อ่านความแตกต่างระหว่างเคลมสด และ เคลมแห้ง คลิกที่นี่

เคลมประกันรถยนต์ เสียประวัติไหม

     คำถามที่ว่า "เคลมประกันรถยนต์ เสียประวัติไหม" มีคำตอบง่ายๆ ว่า มีผลต่อประวัติจริง แต่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแบ่งเป็นรายละเอียดดังนี้

 

การเคลมที่มีผลเสียต่อประวัติ

     การ แจ้งเคลมประกันรถ บ่อยครั้ง โดยเฉพาะเหตุที่เกิดจากผู้ขับขี่เป็นฝ่ายผิด เช่น อุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาทของตัวเอง อาจส่งผลให้บริษัทประกันมองว่าคุณมีความเสี่ยงสูง ซึ่งอาจทำให้เบี้ยประกันปีถัดไปสูงขึ้น หรือบางกรณีอาจถูกปฏิเสธการต่อประกัน

 

การเคลมที่ไม่มีผลเสียต่อประวัติ

     แต่ในกรณีที่คุณไม่ได้เป็นฝ่ายผิด เช่น ถูกชนท้าย หรืออุบัติเหตุที่คู่กรณียอมรับผิด บริษัทประกันภัยจะพิจารณาเคสเหล่านี้ว่าไม่มีผลเสียต่อประวัติของคุณ หรือหากมี ก็จะน้อยมาก

 

เคลมประกันรถยนต์บ่อยๆ ส่งผลอย่างไร

     หลายคนยังสงสัยต่อไปว่า ถ้าเรา เคลมประกันรถยนต์บ่อยๆ ส่งผลอย่างไรบ้าง ซึ่งการเคลมบ่อยมีผลกระทบชัดเจน ดังนี้

 

1. เบี้ยประกันเพิ่มขึ้น

     เมื่อบริษัทประกันเห็นว่าคุณมีประวัติการเคลมที่ถี่ขึ้น และส่วนใหญ่เกิดจากความผิดของคุณเอง บริษัทประกันจะพิจารณาปรับขึ้นเบี้ยประกันในปีถัดไป เพื่อชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น

 

2. ผลกระทบต่อการเลือกประกันใหม่

     ถ้าคุณแจ้งเคลมบ่อย บริษัทประกันภัยอาจปฏิเสธการต่ออายุกรมธรรม์ หรือไม่ยอมรับการทำประกันในปีถัดไป ทำให้คุณต้องจ่ายเบี้ยประกันสูงขึ้นจากบริษัทอื่น หรือได้เงื่อนไขการประกันที่แย่ลง

 

3. ผลกระทบต่อส่วนลดประวัติดี (No Claim Bonus)

     ส่วนลดประวัติดีคือส่วนลดที่มอบให้ผู้ที่ไม่มีการแจ้งเคลมในรอบปี เมื่อคุณแจ้งเคลมบ่อยๆ คุณจะเสียสิทธิ์การรับส่วนลดนี้ ทำให้เสียโอกาสที่จะได้รับเบี้ยประกันราคาถูกลงในปีถัดไป

วิธีแจ้งเคลมประกันรถให้ประวัติดี

     แม้การเคลมประกันอาจมีผลกระทบบ้าง แต่ในบางกรณีคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงการแจ้งเคลมได้ ดังนั้น เพื่อรักษาประวัติให้ดี ควรทำตามข้อแนะนำต่อไปนี้

 

• • แจ้งเคลมเฉพาะกรณีที่จำเป็นจริงๆ : เลือกเคลมเฉพาะเหตุที่มีความเสียหายหนัก หรือค่าใช้จ่ายสูงมาก
  • พิจารณาก่อนแจ้งเคลมแบบไม่มีคู่กรณี : ถ้าความเสียหายเล็กน้อย เช่น รอยขีดข่วนเล็กๆ คุณอาจเลือกที่จะไม่แจ้งเคลมเพื่อรักษาประวัติการขับขี่ที่ดี
  • ขับรถอย่างระมัดระวัง : ยิ่งคุณขับขี่อย่างปลอดภัย โอกาสที่จะต้องแจ้งเคลมบ่อยๆ ก็จะน้อยลง

 

คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการแจ้งเคลมประกันรถ

Q : แจ้งเคลมประกันรถ 1 ครั้งต่อปี ถือว่าเยอะไหม?

A : ไม่เยอะ หากเป็นอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี หรือไม่ใช่เหตุซ้ำซ้อน แต่ถ้าเป็นเคลมแห้งที่คุณผิดเอง อาจมีผลต่อประวัติได้

 

Q : ถ้าไม่แจ้งเคลมเลยหลายปี จะได้อะไร?

A : คุณจะได้รับ “ส่วนลดเบี้ยไม่มีเคลม” ซึ่งหลายบริษัทให้สูงสุด 50% เลยนะ

 

Q : เปลี่ยนบริษัทประกันใหม่ ประวัติเคลมเดิมยังตามมาหรือไม่?

A : ใช่! บริษัทประกันสามารถเช็กผ่านระบบกลางได้ว่าเราเคยเคลมบ่อยแค่ไหน

 

     แม้การ แจ้งเคลมประกันรถ จะเป็นสิทธิ์ของผู้เอาประกันทุกคน แต่การเคลมบ่อยๆ โดยเฉพาะในกรณีที่คุณเป็นฝ่ายผิด อาจส่งผลเสียกับประวัติของคุณได้ ดังนั้น ก่อนแจ้งเคลมประกันรถยนต์ทุกครั้ง ควรพิจารณาความจำเป็นและลักษณะของเหตุการณ์ว่า สมควรที่จะเคลมหรือไม่ และควรขับขี่ด้วยความระมัดระวัง เพื่อลดการเกิดเหตุที่ต้องเคลมประกันลง จะได้ช่วยให้ประวัติของคุณคงดีอยู่และไม่ทำให้เบี้ยประกันเพิ่มขึ้นในอนาคตแน่นอน 

     ละหากคุณกำลังมองหาประกันรถยนต์ที่ครอบคลุมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน สามารถเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ได้ง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์ของเรา เพื่อความคุ้มครองที่ครอบคลุมและอุ่นใจในทุกเส้นทาง หรือโทร Hotline 1737 ยินดีให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง