14/07/68

|

อ่านแล้ว 55 ครั้ง

น้ำรั่วในบ้านทำอย่างไรดี ประกันบ้านรับเคลมไหม?

    ปัญหาน้ำรั่วภายในบ้าน เป็นเรื่องที่เจ้าของบ้านส่วนใหญ่ต้องเผชิญไม่วันใดก็วันหนึ่ง ซึ่งปัญหานี้อาจดูเล็กน้อยแต่หากปล่อยทิ้งไว้ ไม่ได้รับการแก้ไขที่ถูกต้อง อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ เช่น โครงสร้างบ้านเสียหาย ปัญหาความชื้นสะสม หรือแม้กระทั่งปัญหาเชื้อราที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ แล้วหากเจอน้ำรั่วในบ้านควรทำอย่างไร? ประกันบ้านรับเคลมไหม? วันนี้พี่หมี TQM มีคำตอบมาให้

 

สัญญาณที่บ่งบอกว่าน้ำกำลังรั่วในบ้าน

    ก่อนที่จะซ่อมแซมปัญหาน้ำรั่ว ขั้นแรกต้องรู้ก่อนว่าบ้านของคุณมีสัญญาณน้ำรั่วตรงไหนบ้าง โดยสัญญาณที่สังเกตได้ง่าย ได้แก่

 

  • ค่าน้ำประปาสูงผิดปกติ ทั้งที่การใช้น้ำไม่ได้เปลี่ยนแปลง

  • พบคราบน้ำตามผนังหรือฝ้าเพดาน

  • พื้นบ้านมีความชื้นผิดปกติ

  • ได้ยินเสียงน้ำไหลตลอดเวลาแม้ไม่ได้เปิดน้ำ

 

    หากพบสัญญาณเหล่านี้ ควรรีบตรวจสอบทันที เพราะการปล่อยปัญหาน้ำรั่วไว้นานโดยไม่ได้แก้ไขอย่างถูกต้อง อาจส่งผลให้เกิดปัญหาใหญ่ เช่น โครงสร้างบ้านเสียหาย ผนังหรือเพดานเกิดความเสียหายจากน้ำซึม ความชื้นสะสมทำให้เกิดเชื้อรา ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพของสมาชิกในบ้านได้ การตรวจสอบและแก้ไขตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามจนแก้ไขยากขึ้น

น้ำรั่วในบ้านทำอย่างไรดี

วิธีตรวจสอบน้ำรั่วในบ้านเบื้องต้น

    การตรวจสอบน้ำรั่วในบ้านสามารถทำได้ด้วยตัวเองก่อนเรียกช่าง ซึ่งเป็นวิธีเบื้องต้นที่ช่วยให้เจ้าของบ้านประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก ทั้งยังช่วยระบุปัญหาเบื้องต้นได้ชัดเจนก่อนที่จะเรียกช่างมาทำการแก้ไขอย่างละเอียด วิธีการตรวจสอบเบื้องต้นมีขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้

 

1. ตรวจสอบมิเตอร์น้ำ

    วิธีนี้ง่ายและรวดเร็วมาก เริ่มด้วยการปิดอุปกรณ์ใช้น้ำทุกชนิดภายในบ้านให้หมดทุกจุด ไม่ว่าจะเป็นก๊อกน้ำ ฝักบัว เครื่องซักผ้า และอื่น ๆ จากนั้นสังเกตที่มิเตอร์น้ำโดยรอประมาณ 15-30 นาที หากเข็มยังคงหมุนหรือเลขมิเตอร์ยังเพิ่มขึ้นอยู่ แม้จะปิดน้ำสนิทแล้ว นั่นแสดงว่ามีน้ำรั่วเกิดขึ้นแน่นอนและควรรีบดำเนินการตรวจสอบหรือเรียกช่างมาซ่อมโดยเร็วที่สุด

 

2. ใช้สีผสมอาหารตรวจสุขภัณฑ์

    หยดสีผสมอาหารลงในแทงค์น้ำของสุขภัณฑ์ จากนั้นรอประมาณ 10-15 นาทีโดยไม่กดชักโครก หากสังเกตเห็นสีที่หยดไว้ไหลลงไปในโถชักโครกโดยที่ยังไม่ได้ทำการกดหรือใช้งาน แสดงว่าอาจมีน้ำรั่วซึมจากแทงค์น้ำลงสู่โถชักโครก ซึ่งการรั่วลักษณะนี้แม้จะดูเล็กน้อย แต่สามารถทำให้ค่าน้ำประปาสูงขึ้นได้ และควรได้รับการแก้ไขโดยเร็ว

 

3. เช็กจุดรอยต่อของท่อน้ำ

    ตรวจดูบริเวณข้อต่อและวาล์วน้ำต่าง ๆ ในบ้านอย่างละเอียด เช่น ใต้ซิงก์ล้างจาน ใต้อ่างล้างหน้า หรือหลังชักโครก หากพบว่ามีคราบน้ำ คราบสนิม หรือความชื้นเปียกชื้นอยู่ตลอดเวลา อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่ามีน้ำรั่วซึมจากจุดเหล่านั้นได้ จุดรั่วลักษณะนี้อาจเกิดจากการเชื่อมต่อที่หลวม หรือวัสดุเสื่อมสภาพตามเวลา ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้นานอาจทำให้โครงสร้างบ้านเสียหายได้ จึงควรรีบแก้ไขทันที

เรียกช่างหาจุดน้ำรั่วในบ้าน

เรียกช่างหาจุดน้ำรั่วในบ้าน

    หากไม่สามารถหาจุดรั่วด้วยตัวเองได้ วิธีที่ดีที่สุดคือการเรียกช่างหาจุดน้ำรั่วในบ้าน เพราะช่างมีประสบการณ์และเครื่องมือเฉพาะทางที่จะช่วยให้ตรวจสอบได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว

 

เครื่องมือหาจุดน้ำรั่วที่ช่างนิยมใช้

  • กล้องอินฟราเรด (Infrared Camera) ตรวจจับความชื้นที่ซ่อนอยู่ในผนัง

  • เครื่องฟังเสียงรั่ว (Acoustic Leak Detector) ใช้ฟังเสียงน้ำรั่วใต้พื้นและภายในผนัง

  • เครื่องวัดแรงดันน้ำ (Pressure Gauge) วัดแรงดันในระบบประปาเพื่อตรวจจุดที่แรงดันตก

 

    การใช้เครื่องมือหาจุดน้ำรั่วเหล่านี้ช่วยให้การซ่อมแซมทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดเวลา เพราะสามารถระบุตำแหน่งที่รั่วได้อย่างแม่นยำโดยไม่ต้องรื้อถอนพื้นที่กว้างโดยไม่จำเป็น ลดความเสียหายต่อโครงสร้างของบ้านและลดต้นทุนการซ่อมแซม ทั้งยังช่วยวางแผนการแก้ไขได้รวดเร็วและตรงจุดมากยิ่งขึ้น จึงเหมาะสำหรับบ้านที่มีการเดินท่อไว้ภายในผนังหรือใต้พื้น ซึ่งยากต่อการตรวจสอบด้วยตาเปล่า

 

ซ่อมท่อน้ำรั่วในบ้าน ราคาเท่าไหร่?

    ราคาซ่อมท่อน้ำรั่วในบ้านขึ้นอยู่กับความรุนแรงและตำแหน่งที่รั่ว รวมถึงความยากง่ายของการเข้าถึงจุดที่เกิดปัญหา โดยเฉพาะหากเป็นการรั่วที่อยู่ใต้พื้นหรือภายในผนัง อาจต้องมีการรื้อถอนเพื่อเข้าถึงท่อ ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น อีกทั้งยังขึ้นอยู่กับวัสดุของท่อ เช่น ท่อ PVC, ท่อเหล็ก หรือท่อทองแดง ซึ่งวิธีการซ่อมและอุปกรณ์ที่ใช้จะต่างกันออกไป ส่งผลต่อราคาด้วย โดยทั่วไปค่าบริการมี ดังนี้

 

  • รั่วเล็กน้อย เช่น ข้อต่อหรือก๊อกน้ำ ราคาอยู่ที่ประมาณ 500 - 2,000 บาท

  • รั่วในผนังหรือใต้พื้น ราคาจะสูงขึ้นตามความยากและการซ่อมแซมเฉลี่ย 3,000 - 10,000 บาท

  • รั่วใหญ่ที่ต้องรื้อถอนพื้นหรือผนัง ราคาสามารถพุ่งไปถึงหลักหมื่นได้

 

วิธีซ่อมท่อประปารั่วในบ้านเบื้องต้นด้วยตัวเอง

    สำหรับผู้ที่มีความสามารถในการซ่อมแซมเบื้องต้น หรือมีอุปกรณ์เบื้องต้นอยู่แล้วในบ้าน การซ่อมท่อประปารั่วเองอาจช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก รวมถึงช่วยแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะในกรณีที่รั่วไม่มากและยังไม่ลุกลามไปถึงโครงสร้างบ้าน อย่างไรก็ตาม ควรใช้ความระมัดระวังในการซ่อม เพราะหากดำเนินการผิดวิธีอาจทำให้ปัญหารั่วลุกลามหนักกว่าเดิมได้ โดยสามารถเริ่มจากขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้

 

1. ปิดวาล์วน้ำหลัก

    ก่อนเริ่มซ่อมทุกครั้ง ต้องปิดวาล์วน้ำหลักเพื่อป้องกันน้ำไหลตลอดการซ่อม ซึ่งจะช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นเพิ่มเติมจากน้ำที่ยังคงไหลอยู่ และทำให้สามารถซ่อมแซมได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยทั่วไปวาล์วน้ำหลักจะอยู่ใกล้กับมาตรวัดน้ำ หรือบริเวณจุดเชื่อมต่อท่อน้ำหลักเข้าบ้าน หากไม่แน่ใจว่าวาล์วน้ำหลักอยู่ตรงไหน ควรถามช่างประปาหรือเจ้าหน้าที่จากการประปาส่วนภูมิภาคไว้ล่วงหน้า เพื่อให้สามารถปิดน้ำได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

 

2. ทำความสะอาดบริเวณรั่ว

    เช็ดทำความสะอาดจุดรั่วให้แห้งสนิทก่อนดำเนินการซ่อมแซม โดยสามารถใช้ผ้าแห้งหรือกระดาษซับน้ำซับให้แห้งที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากมีฝุ่น เศษผง หรือคราบสนิมอยู่รอบ ๆ จุดรั่ว ควรทำความสะอาดให้หมดก่อน เพราะสิ่งสกปรกเหล่านี้อาจทำให้วัสดุที่ใช้ในการอุดรอยรั่ว เช่น เทปพันเกลียวหรือกาวอีพอกซี ไม่สามารถยึดติดได้ดี และส่งผลให้การซ่อมแซมไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร

 

3. ใช้เทปพันเกลียวหรือวัสดุอุดรอยรั่ว

    พันเทปเกลียวบริเวณรอยรั่วอย่างแน่นหนา หรือใช้กาวอีพอกซีที่ออกแบบมาสำหรับงานท่อประปาอุดรอยรั่วในจุดที่พบปัญหา ซึ่งวิธีเหล่านี้เป็นเพียงวิธีแก้ไขเฉพาะหน้าในกรณีฉุกเฉิน เพื่อหยุดการรั่วชั่วคราวเท่านั้น การใช้งานระยะยาวควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดำเนินการตรวจสอบและซ่อมแซมอย่างถาวร เช่น การเปลี่ยนท่อหรือข้อต่อใหม่ เพื่อให้ระบบประปากลับมาทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

น้ำรั่วในบ้าน ประกันบ้านรับเคลมไหม

น้ำรั่วในบ้าน ประกันบ้านรับเคลมไหม?

    โดยทั่วไปแล้วประกันบ้านจะรับเคลมความเสียหายจากน้ำรั่ว หากความเสียหายนั้นเกิดจากเหตุการณ์ที่ประกันระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น เหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ หรือเกิดขึ้นอย่างฉับพลันโดยที่เจ้าของบ้านไม่ได้มีส่วนก่อให้เกิดปัญหานั้น ๆ โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นอุบัติเหตุจากระบบประปาภายในบ้าน เช่น ท่อน้ำแตกโดยไม่ตั้งใจ หรืออุปกรณ์ประปาชำรุดโดยไม่ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทความคุ้มครองที่ระบุในกรมธรรม์ว่าเป็นแบบพื้นฐานหรือแบบคุ้มครองเพิ่มเติม จึงควรตรวจสอบรายละเอียดกรมธรรม์อย่างชัดเจนก่อนเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง

 

ในกรณีทั่วไป เหตุการณ์ที่เข้าข่ายสามารถเคลมได้จะมีลักษณะดังต่อไปนี้

 

  • ท่อน้ำแตกหรือรั่วโดยไม่ได้เกิดจากการละเลย

  • อุบัติเหตุจากการก่อสร้างหรือซ่อมแซมที่ทำให้ท่อน้ำเสียหาย

  • ภัยธรรมชาติ เช่น พายุ น้ำท่วม

 

    แต่ถ้าหากความเสียหายเกิดจากการละเลย เช่น ปล่อยให้ท่อรั่วเป็นเวลานานโดยไม่ซ่อมแซมหรือไม่ดำเนินการใด ๆ แม้จะเห็นสัญญาณความผิดปกติอย่างชัดเจน บริษัทประกันอาจพิจารณาว่าเป็นความบกพร่องในการดูแลรักษาทรัพย์สิน ซึ่งถือว่าอยู่นอกขอบเขตความคุ้มครองตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ ส่งผลให้ไม่สามารถเคลมค่าเสียหายได้ ทั้งนี้ การแยกแยะว่าเหตุใดจึงเข้าเกณฑ์ "ละเลย" หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ประกันเป็นรายกรณี

 

ขั้นตอนเคลมน้ำรั่วกับประกันบ้าน

    หากพบว่าน้ำรั่วในบ้านและคาดว่าอยู่ในความคุ้มครองของประกันบ้าน เจ้าของบ้านสามารถดำเนินการเคลมได้ตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้

 

  1. แจ้งบริษัทประกันทันทีเมื่อพบความเสียหาย
    รีบโทรแจ้งบริษัทประกันหรือแจ้งผ่านช่องทางออนไลน์ทันทีที่พบว่ามีเหตุการณ์น้ำรั่วหรือท่อแตก เพื่อให้บริษัทรับทราบและเริ่มกระบวนการตรวจสอบ

  2. ส่งภาพถ่ายจุดรั่วและความเสียหายไปให้บริษัทประกัน
    ถ่ายภาพให้ชัดเจน ครอบคลุมจุดที่รั่วและผลกระทบที่เกิดขึ้น เช่น ผนังเปียก เฟอร์นิเจอร์เสียหาย หรือพื้นพัง เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาเคลม

  3. นัดหมายกับบริษัทประกันให้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ
    บริษัทประกันจะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสภาพหน้างานเพื่อประเมินความเสียหาย และพิจารณาว่าอยู่ในขอบเขตของความคุ้มครองหรือไม่

  4. รอผลพิจารณาจากบริษัทประกัน
    เมื่อบริษัทตรวจสอบครบถ้วนแล้ว จะมีการแจ้งผลอนุมัติ หรือไม่อนุมัติ พร้อมรายละเอียดการจ่ายเงินชดเชย หากอนุมัติ เจ้าของบ้านสามารถดำเนินการซ่อมแซมได้ทันทีหรือเลือกให้บริษัทประกันจัดการให้ก็ได้

 

แนะนำ : ขั้นตอนการเคลมประกันบ้านกับ TQM

 

เอกสารที่เตรียมใช้ในการยื่นเคลมประกันบ้าน

    หากเตรียมเอกสารและหลักฐานครบถ้วน กระบวนการเคลมก็จะเป็นไปอย่างราบรื่นและใช้เวลาไม่นาน โดยเอกสารที่ควรเตรียมให้พร้อม ได้แก่

 

  • หนังสือเรียกร้องของผู้เอาประกันภัย เพื่อยืนยันความต้องการขอรับค่าสินไหมทดแทน

  • สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้เอาประกันภัย สำหรับยืนยันตัวตน

  • ใบเสนอราคาค่าซ่อมแซมของผู้รับเหมา และ/หรือ ใบเสร็จรับเงินในการซ่อมแซม หากได้ดำเนินการซ่อมแล้ว

  • ภาพถ่ายความเสียหาย และ ภาพถ่ายตัวบ้านโดยกว้าง เพื่อให้เห็นบริบทของพื้นที่เสียหายอย่างครบถ้วน

  • สำเนาบันทึกประจำวันของเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ (ในกรณีที่ต้องมีการแจ้งความ เช่น กรณีท่อแตกจากการกระทำของบุคคลภายนอก)

  • หนังสือยอมรับผิดของบุคคลภายนอก (ถ้ามี) เพื่อระบุว่าเหตุเกิดจากบุคคลอื่น

 

    เมื่อส่งเอกสารและหลักฐานทั้งหมดครบถ้วน บริษัทประกันภัยจะดำเนินการพิจารณาและหากอนุมัติ จะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนภายใน 15 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ผู้เอาประกันหรือผู้มีสิทธิรับเงินลงนามในเอกสารตกลงค่าเสียหายและจัดส่งเอกสารครบถ้วนแล้ว

 

    บริษัทประกันส่วนใหญ่มักมีเงื่อนไขในการเคลมเพิ่มเติม เช่น วงเงินสูงสุดที่ประกันจะจ่าย, ระยะเวลาการแจ้งเคลมหลังเกิดเหตุ, เอกสารที่จำเป็น และเงื่อนไขเฉพาะของแต่ละบริษัท ดังนั้นจึงควรศึกษารายละเอียดกรมธรรม์อย่างละเอียด และสอบถามกับตัวแทนประกันให้ชัดเจนเพื่อให้การเคลมเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่เกิดปัญหาภายหลัง สุดท้าย หากบริษัทประกันอนุมัติ คุณก็สามารถดำเนินการซ่อมแซมโดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะประกันจะช่วยแบ่งเบาภาระด้านการเงินได้มาก

 

    การดูแลบ้านให้ปลอดภัยจากน้ำรั่วเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของบ้านทุกคนไม่ควรละเลย เพราะนอกจากจะช่วยให้บ้านของคุณมีอายุการใช้งานที่ยาวนานแล้ว ยังช่วยให้คุณสบายใจและลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในอนาคตอีกด้วย และหากคุณกำลังมองหาประกันบ้านที่คุ้มครองครอบคลุมทุกความเสี่ยง อย่าลืมเข้าไปเช็กเบี้ยประกันบ้านกับ TQM ได้ฟรี หรือปรึกษาเรื่องประกันภัย โทร 1737 ยินดีให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงครับ

เช็คราคาแผนประกัน

กรอกข้อมูลเพื่อค้นหาแผนประกัน

รายละเอียดที่อยู่อาศัย

เลือกประเภทที่อยู่อาศัย *

บ้านเดี่ยว

บ้านแฝด

ทาวน์โฮม

คอนโด

ตึกแถว

โครงสร้างบ้าน *

จำนวนชั้น *

ลักษณะการใช้งานบ้าน *

ตำแหน่งบ้านของคุณ *

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง