18/05/61

|

อ่านแล้ว 319 ครั้ง

เลี้ยวหลบรถเป็นเหตุ โดนมอเตอร์ไซค์ชนท้าย

เลี้ยวหลบรถ
โดนมอเตอร์ไซค์พยศชนท้ายยับ

 

    คน 3 ชีวิต รถยนต์ 2 คัน มอเตอร์ไซค์ 1 คัน ต้องมาพัวพันกับปัญหารถชนน่าปวดหัว ใครคือคนผิด ใครคือผู้บริสุทธิ์...ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น!
 
    ลุงชาติขับรถเชื่องช้าในเลนซ้ายสุด เขาไม่ได้ขับรถทางไกลมาเป็น 10 ปี มาได้ครึ่งทางจู่ๆก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาซะงั้น จึงตัดสินใจจอดพักรถข้างทาง ห่างจากปากซอยประมาณ 300 เมตร
 
ใครผิด
 
    สาลี่ สาวโก๊ะมือใหม่หัดขับ กำลังขับรถเก๋งตามหลังลุงชาติมาติดๆ พอเห็นรถข้างหน้าหยุดจอดริมทาง เธอจึงเปิดไฟเลี้ยวขวาเพื่อเบี่ยงรถออกเลนข้างๆ
 
ใครผิด
 
    หารู้ไม่ว่าอีกเลนหนึ่ง พายุ หนุ่มเลือดร้อนกำลังขับมอเตอร์ไซค์พุ่งตรงมาด้วยความเร็ว
 
ใครผิด
 
    และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น! เมื่อพายุเห็นรถสาลีเปลี่ยนเลนแต่เบรคไม่ทัน จึงชนเข้ากับท้ายรถสาลี่อย่างจัง
 
ใครผิด
 
    โชคดีที่พายุห้อยพระดีจึงไม่ได้เจ็บอะไรมาก แต่ด้วยความโกรธ เขาเดินมาเคาะกระจกรถสาลี่เพื่อจะได้ออกมาเคลียร์กัน แต่สาลี่กลัวจนลนลาน เธอล็อคประตูและไม่ยอมลงจากรถ เธอไม่อยากมีเรื่องชกต่อยกับใคร
 
ใครผิด
 
    ลุงชาติที่เห็นเหตุการณ์ไม่สู้ดีจากที่เหนื่อยๆก็หลับไม่ลง เขาคิดว่าตนอาจมีส่วนผิดที่จอดรถข้างทางเช่นนี้ จึงเข้ามาไกล่เกลี่ย
 
ใครผิด
 
    ...จากนั้นไม่นาน สาลี่ค่อยๆรวบรวมสติก่อนลงจากรถเพื่อเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดพร้อมกับลุงชาติและพายุ เจ้าหน้าที่ประกันภัยรับฟังอย่างสุขุม พลันไขข้อสงสัยที่อยู่ในใจทุกคน 
 
ใครผิด
 
    เจ้าหน้าที่ประกันภัยทำหน้าขรึมแล้วพูดต่อ
 
ใครผิด
 
    เจ้าหน้าที่ประกันภัยพยักหน้าและกล่าวต่อ
 
ใครผิด
 
    พายุ หนุ่มเจ้าอารมณ์ของเราเงียบไปซักครู่ ก่อนจะยอมรับผิดแต่โดยดี
 
ใครผิด
 
    สุดท้ายเหตุการณ์ชนอลเวง ก็ทำให้ทุกคนหันมาสนใจความปลอดภัยบนท้องถนนกันมากขึ้น
 
ใครผิด
 
สรุป
   
    ในกรณีที่ลุงชาติ จอดรถห่างจากทางเข้าซอยถึง 300 เมตร และจอดรถยนต์ในช่องทางเดินรถซ้ายสุด ไม่มีความผิดแต่อย่างใด 
   
    ส่วนกรณีของรถยนต์สาลี่ และมอเตอร์ไซค์พายุ กรณีดังต่อไปนี้แบ่งได้เป็นสองกรณี
    1) หากพายุขับรถมอเตอร์ไซค์ชนส่วนหน้า หรือ ส่วนข้างของรถยนต์สาลี่ การวินิจฉัยความรับผิดจะต่างไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากกรณีดังกล่าวจะเป็นเรื่องของการที่รถยนต์สาลี่เปลี่ยนเลนโดยประมาท กล่าวคือไม่หยุดรอ แล้วเปลี่ยนช่องทางเดินรถเมื่อปลอดภัย เนื่องจาก มาตรา 36 วรรค 4 ของพรบ. จราจรทางบก พ.ศ.2522  กำหนดไว้ว่า ผู้ขับขี่ต้องให้สัญญาณด้วยมือและแขน ไฟสัญญาณหรือสัญญาณอย่างอื่นตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถอื่นเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่าหกสิบเมตร จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่าสาลี่ต้องเปิดไฟออกขวาไปยังเลนที่สองและรีบตบไฟซ้ายเพื่อเข้าซอย จากข้อเท็จจริงนี้คาดเห็นได้ว่า ระยะที่พายุจะเห็น รถยนต์ของสาลี่ ไม่ถึงระยะ 60 เมตรตามที่กฎหมายกำหนดอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น หากเป็นกรณีนี้คุณสาลี่ ต้องรับผิดต่อคุณพายุ 
    2) การที่พายุขับมอเตอร์ไซค์ ชนท้ายรถยนต์ของสาลี นั้น อาจจะถือได้ว่าพายุขับขี่โดยประมาทเนื่องจาก พรบ.จราจรทางบกพ.ศ. 2522 กำหนดไว้ใน มาตรา 40 ว่าผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ห่างรถคันหน้าพอสมควรในระยะที่จะหยุดรถได้โดยปลอดภัยในเมื่อจำเป็นต้องหยุดรถ เมื่อรถมอเตอร์ไซค์ของพายุไม่สามารถหยุดรถได้ทัน ถือว่าพายุไม่ได้เว้นระยะห่างอย่างพอสมควร เพราะฉะนั้น พายุต้องรับผิดต่อสาลี่
    ในกรณีนี้จึงสรุปว่าพายุ เนื่องจากเป็นฝ่ายขับชนท้ายรถของสาลี่ มีความผิดใน พรบ.จราจรทางบกพ.ศ. 2522 กำหนดไว้ในมาตรา 40
 

เช็คราคาแผนประกัน

กรอกข้อมูลเพื่อค้นหาแผนประกัน

ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อ *

นามสกุล *

เบอร์โทรศัพท์มือถือ *

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด123 ถนนลาดปลาเค้า แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230

ใบอนุญาตจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
เลขที่0105540084143

ใบอนุญาตนายหน้าประกันวินาศภัย
เลขที่ว00019/2546

โทรศัพท์
โทรสาร
เวลาทำการ
จันทร์ - เสาร์ 8.30 - 17.30 น.
อีเมล