การซื้อประกันสุขภาพเป็นการลงทุนเพื่อความมั่นคงด้านสุขภาพและการเงินในระยะยาว แต่ก่อนตัดสินใจซื้อ คุณควรทราบรายละเอียดสำคัญต่าง ๆ เพื่อให้ได้ความคุ้มครองที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุด วันนี้พี่หมี TQM ได้รวมข้อมูล 7 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพ มีอะไรบ้าง มาฝากกันครับ

7 สิ่งสำคัญที่คุณต้องรู้ ก่อนตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพ
1. ความต้องการด้านสุขภาพของตัวเอง
การพิจารณาแผนประกันสุขภาพที่เหมาะสม ควรเริ่มต้นจากการประเมินความต้องการด้านสุขภาพของคุณเอง
-
- โรคประจำตัว : หากมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ ควรเลือกกรมธรรม์ที่ครอบคลุมค่ารักษาเหล่านี้
- ความเสี่ยงของสุขภาพในอนาคต : ตรวจสอบประวัติสุขภาพของครอบครัว เช่น หากครอบครัวมีประวัติเป็นโรคร้ายแรง ก็ควรเลือกกรมธรรม์ที่ครอบคลุมการรักษาโรคเฉพาะทาง
- ช่วงอายุ : ช่วงอายุส่งผลต่อเบี้ยประกัน ยิ่งอายุน้อย เบี้ยประกันจะถูกกว่า
2. รูปแบบความคุ้มครองที่ตอบโจทย์
ประกันสุขภาพมีรูปแบบความคุ้มครองหลายประเภท ซึ่งควรเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์และความเสี่ยงของตัวเอง เช่น
-
- ผู้ป่วยใน (IPD) : คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่ต้องนอนโรงพยาบาล
- ผู้ป่วยนอก (OPD) : เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพบแพทย์บ่อยครั้งโดยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
- คุ้มครองโรคร้ายแรง : เน้นความคุ้มครองโรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง หรือโรคหัวใจ โดยจ่ายเงินก้อนทันทีเมื่อวินิจฉัย
- ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย : เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่น เพราะครอบคลุมค่ารักษาทั้งหมดตามวงเงินที่กำหนด
3. วงเงินคุ้มครองและค่ารักษาพยาบาล
-
- วงเงินต่อครั้ง : ตรวจสอบว่าวงเงินที่ประกันครอบคลุมต่อการรักษาเพียงพอต่อค่ารักษาในปัจจุบันหรือไม่
- วงเงินต่อปี : หากเข้ารับการรักษาบ่อยครั้ง ควรเลือกวงเงินคุ้มครองรายปีที่สูง
- ค่าห้องและค่าบริการพิเศษ : ประกันบางแบบอาจครอบคลุมค่าห้องพยาบาลเฉพาะห้องธรรมดา หากต้องการพักห้องพิเศษควรตรวจสอบรายละเอียดในกรมธรรม์

4. ข้อยกเว้นและเงื่อนไขของกรมธรรม์
ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรศึกษาเงื่อนไขและข้อยกเว้นของกรมธรรม์อย่างละเอียด เช่น ไม่คุ้มครองโรคที่เป็นมาก่อนการทำประกัน
-
- ระยะเวลารอคอย (Waiting Period) : โรคบางโรคจะไม่คุ้มครองในช่วง 30-120 วันแรกหลังเริ่มกรมธรรม์
- ค่ารักษานอกเครือข่ายโรงพยาบาล : ประกันบางแบบอาจกำหนดโรงพยาบาลที่เข้าร่วม หากต้องการใช้บริการนอกเครือข่ายอาจต้องจ่ายเงินเพิ่ม
5. เบี้ยประกันและความคุ้มค่า
การจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพควรเหมาะสมกับรายได้และความสามารถในการชำระของตัวเรา โดยค่าเบี้ยประกันไม่ควรเกิน 10-15% ของรายได้ต่อเดือน
-
- เปรียบเทียบแผนประกัน : เลือกแผนที่คุ้มค่าในแง่ของความคุ้มครองและเบี้ยประกัน
- ส่วนลดพิเศษ : ตรวจสอบโปรโมชั่นหรือส่วนลด เช่น ส่วนลดสำหรับการจ่ายเบี้ยรายปี
- เบี้ยประกันที่เพิ่มขึ้นตามอายุ : ควรทราบว่าบางกรมธรรม์จะปรับเบี้ยประกันเพิ่มตามอายุ
6. สิทธิประโยชน์ทางภาษี
การซื้อประกันสุขภาพสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดตามที่กฎหมายกำหนด โดยเบี้ยประกันสุขภาพสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 25,000 บาท และหากคุณซื้อประกันสุขภาพให้พ่อแม่ คุณสามารถลดหย่อนเพิ่มอีก 15,000 บาท (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่กำหนด)
7. บริษัทประกันและความน่าเชื่อถือ
เลือกซื้อประกันจากบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือและบริการหลังการขายที่ดี บริษัทที่มีชื่อเสียงและการบริการที่ดีจะช่วยให้คุณมั่นใจในระยะยาว
-
- ชื่อเสียงของบริษัท : ตรวจสอบรีวิวและความน่าเชื่อถือ เรื่องการให้บริการเคลมที่รวดเร็ว และความพึงพอใจของลูกค้า และตรวจสอบอันดับบริษัทประกันจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
- บริการเคลมประกัน : ระบบการเคลมสะดวกง่ายและรวดเร็วเพียงใด เช่น สามารถเคลมออนไลน์หรือใช้บัตรประกันในการรักษาได้หรือไม่
- การสนับสนุนลูกค้า : มีช่องทางติดต่อที่สะดวก เช่น สายด่วนหรือแอปพลิเคชันที่ช่วยอำนวยความสะดวก ตลอด 24 ชั่วโมง

การซื้อประกันสุขภาพเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ การเลือกแผนประกันที่เหมาะสมควรคำนึงถึงความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ ความน่าเชื่อถือของบริษัท และความคุ้มค่าของเบี้ยประกัน อย่าลืมศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขของประกันสุขภาพให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ตอบโจทย์และคุ้มค่าที่สุดในระยะยาว

และหากใครที่กำลังมองหา ประกันสุขภาพ ที่คุ้มครองค่าใช้จ่ายยามเจ็บป่วย คุ้มครองทั้งค่าห้อง ค่ายา ค่ารักษา สนใจกรอกข้อมูลด้านล่างเพื่อค้นหาแผนประกันสุขภาพ หรือหากต้องการปรึกษาเรื่องประกันภัยกับ TQM สามารถแชทกับพี่หมีได้ที่นี่ หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ผ่านเบอร์ Hotline 1737 ยินดีให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงครับ