หัวใจอลวน
ชนกลางสี่แยกหน้าโรงพยาบาล

ทิชา’ คุณหมอสาวคนสวยกำลังรีบขับรถออกจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เพื่อรีบกลับบ้านไปดูอาการน้องชายที่ป่วยเป็นไข้สูง นอนซมอยู่บ้านคนเดียว
เมื่อถึงหน้าแยกโรงพยาบาลเลี้ยวขวาออกมาเกินครึ่งทางแล้ว แต่เลนทางด้านซ้ายดันไฟเขียวพอดี ครั้นจะถอยก็ไม่ได้ เลยตบไฟขอเลี้ยวขวาผ่านไปก่อน
‘คุณตฤณ’ นักธุรกิจหนุ่มสายตาว่องไวชำเลืองเห็นรถของ ‘ทิชา’ ตบไฟขอทางจึงยังไม่ขยับรถ และหยุดให้ไปก่อน เมื่อเห็นดังนั้น ‘ทิชา’ จึงตบไฟ 1 ที พร้อมค้อมหัวให้เป็นการขอบคุณ ก่อนจะรีบบึ่งรถเพื่อจะเลี้ยวให้พ้นจากบริเวณนั้นโดยเร็ว
โชคดีที่เป็นจังหวะเริ่มออกตัวของรถของอิงค์ จึงทำให้รถของทั้งคู่เสียหายไม่มาก แค่บุบนิดๆ สีถลอกหน่อยๆ ทั้ง ‘อิ้งค์’ ‘ทิชา’ และ ‘คุณตฤณ’ รีบลงมา เพื่อประนีประนอม แต่กลายเป็นว่า ‘คุณตฤณ’ กลับดุ ‘อิ้งค์’ เสียอย่างนั้น!?
‘ทิชา’ ที่เป็นคู่กรณีเลยได้แต่ยืนงงอยู่กลางวง เพราะเข้าใจว่าตนเป็นฝ่ายผิดที่รีบร้อนเกินไปเสียด้วยซ้ำ กลายเป็นต้องพยายามเจรจา ให้ ‘คุณตฤณ’ ใจเย็นลง พร้อมโทรเรียก ‘เจ้าหน้าที่ประกันภัย’ ให้มาช่วย
ไวยิ่งกว่าต้มมาม่าเดือด ‘เจ้าหน้าที่ประกันภัย’ ก็มาปรากฎตัวกลางวง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ และไม่รอให้ทุกคนซึ่งตกใจจนแทบจะเป็นลมกับการปรากฎกายแบบสายฟ้าแล่บหายจากอาการเหวอ ก็เริ่มชี้ตัวคนผิดทันที!
ก่อน ‘เจ้าหน้าที่ประกันภัย’ จะเริ่มสาธยายข้อกฎหมายเพื่อคลี่คลายความข้องใจของทุกคน
เจ้าหน้าที่ประกันภัยทำหน้าตาจริงจังมากขึ้นเมื่อพูดถึงตัวบทกฎหมาย
ทั้ง 3 คนรับฟังที่เจ้าหน้าที่ประกันภัยด้วยความตั้งใจ เพื่อครั้งหน้าจะได้ไม่พลาดอีก
‘เจ้าหน้าที่ประกันภัย’ พูดด้วยน้ำเสียงแสนเอื้ออาทรกับทิชา เพื่อเตือนให้ระมัดระวัง ซึ่ง ‘ทิชา’ ก็พยักหน้าตอบรับแต่โดยดี
เจ้าหน้าที่ประกันภัยปิดจบการคลี่คลายคดี เอ้ย! สถานการณ์นี้แบบสวยงาม เพราะคู่กรณียอมรับในความผิดแต่โดยดี
สถานการณ์ก็คลี่คลายลงด้วยดีประการฉะนี้แหละจ้ะ
สรุป*
‘ทิชา’ เป็นฝ่ายประมาท โดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้ขับขี่อาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ เป็นการฝ่าฝืนต่อ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๒๑, ๔๓(๔)(๕)(๘) และ ๗๔ เพราะ ‘ทิชา’ ฝ่าฝืนกฎหมาย ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาณจราจรและเครื่องหมายจราจรที่ได้ติดตั้งไว้หรือทำให้ปรากฏในทาง ขับรถออกจากทางส่วนบุคคลหรือทางเดินรถในบริเวณอาคาร เมื่อจะขับรถผ่านหรือเลี้ยวสู่ทางเดินรถที่ตัดผ่านต้องหยุดรถเพื่อให้รถที่กำลังผ่านทางหรือรถที่กำลังแล่นอยู่ในทางเดินรถผ่านไปก่อน เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงขับรถต่อไปได้ โดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน โดยไม่คำนึงความปลอดภัย หรือความเดือนร้อนของผู้อื่นนั้น
เกร็ดความรู้เรื่องกฎหมาย*
มาตรา ๒๑ ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาณจราจรและเครื่องหมายจราจรที่ได้ติดตั้งไว้หรือทำให้ปรากฏในทาง
มาตรา ๔๓ ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถ
(๔) โดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน
(๕) ในลักษณะที่ผิดปกติวิสัยของการขับรถธรรมดา หรือไม่อาจแลเห็นทางด้านหน้าหรือด้านหลัง ด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้งสองด้านได้พอแก่ความปลอดภัย
(๘) โดยไม่คำนึงความปลอดภัย หรือความเดือนร้อนของผู้อื่น
มาตรา ๗๔ ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถออกจากทางส่วนบุคคลหรือทางเดินรถในบริเวณอาคาร เมื่อจะขับรถผ่านหรือเลี้ยวสู่ทางเดินรถที่ตัดผ่านต้องหยุดรถเพื่อให้รถที่กำลังผ่านทางหรือรถที่กำลังแล่นอยู่ในทางเดินรถผ่านไปก่อน เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงขับรถต่อไปได้
หมายเหตุ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นการพิจารณาว่าฝ่ายใดประมาทนั้นขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานต่างๆ คำถามต้องให้ชัดเจน มิฉะนั้นอาจทำให้ตอบคลาดเคลื่อนได้