27/01/68

|

อ่านแล้ว 242 ครั้ง

รวมคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับประกันรถยนต์ที่คนสงสัยมากที่สุด

    เมื่อพูดถึง ประกันรถยนต์ หลายคนอาจเคยสงสัยในคำถามต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคุ้มครอง ประเภทของประกัน หรือแม้แต่ความซับซ้อนในการเคลมประกัน คำถามเหล่านี้เกิดขึ้นได้เสมอเพราะการทำประกันรถยนต์เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจ วันนี้พี่หมี TQM จะพาเพื่อนๆ มารู้จักกับคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับประกันรถยนต์ พร้อมคำตอบที่ช่วยให้คุณเข้าใจประกันรถยนต์มากขึ้น และที่สำคัญเพื่อช่วยให้การตัดสินใจทำประกันรถยนต์ของคุณง่ายขึ้นกว่าเดิม

 

ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท และต่างกันอย่างไร?

    คำถามแรกที่คนมักสงสัยคือ “ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท?” คำตอบคือประกันรถยนต์ในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ ประกันชั้น 1 ชั้น 2+ และชั้น 3+ ซึ่งแต่ละประเภทมีความคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป

 

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1

    ประกันชั้น 1 เป็นประเภทที่ครอบคลุมที่สุด ไม่ว่าคุณจะชนแบบมีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณี เช่น ขับชนเสาไฟฟ้า หรือรั้วบ้าน ประกันชั้น 1 จะดูแลค่าซ่อมแซมให้ นอกจากนี้ยังครอบคลุมถึงกรณีรถสูญหาย ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองสูงสุด หรือผู้ที่เพิ่งซื้อรถใหม่

 

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+

    ประกันชั้น 2+ เป็นตัวเลือกที่ราคาย่อมเยาลงมา ความคุ้มครองจะคล้ายกับชั้น 1 แต่มีข้อแม้ว่า กรณีรถชนต้องมีคู่กรณีเท่านั้น รวมถึงยังคุ้มครองรถสูญหายหรือไฟไหม้เช่นกัน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มั่นใจในทักษะการขับขี่ แต่ยังต้องการความคุ้มครองในกรณีสำคัญ

 

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+

    ประกันชั้น 3+ เหมาะสำหรับคนที่อยากประหยัดค่าเบี้ยประกัน ความคุ้มครองเน้นไปที่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคู่กรณี แต่ไม่รวมกรณีรถหายหรือไฟไหม้ เหมาะสำหรับผู้ที่ขับรถในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่ำ หรือมีรถยนต์เก่า

ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท และต่างกันอย่างไร?

ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับอะไร?

    เรื่องค่าเบี้ยประกันรถยนต์เป็นอีกคำถามที่หลายคนสงสัยมากที่สุด ค่าเบี้ยประกันที่คุณจ่ายในแต่ละปีนั้นถูกกำหนดโดยหลายปัจจัย เช่น อายุรถยนต์ ซึ่งรถใหม่หรือรถยนต์ราคาสูงมักมีค่าเบี้ยแพงกว่า เพราะค่าอะไหล่และค่าซ่อมแซมมีราคาสูง

 

    ประวัติการขับขี่ ก็มีผลต่อค่าเบี้ย หากคุณไม่มีประวัติการเคลมเลยในปีที่ผ่านมา คุณจะได้รับส่วนลดประวัติดี ซึ่งสามารถลดค่าเบี้ยได้สูงสุดถึง 50% และหากคุณระบุชื่อผู้ขับขี่ที่ชัดเจนในกรมธรรม์ เช่น ระบุว่าเฉพาะคุณเท่านั้นที่ขับรถยนต์คันนี้ ค่าเบี้ยก็จะลดลงอีก

 

    อีกปัจจัยที่สำคัญคือ พื้นที่การขับขี่ หากคุณขับรถในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ในกรุงเทพฯ ซึ่งมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุบ่อย ค่าเบี้ยก็จะสูงตามไปด้วย ในขณะที่การขับรถในต่างจังหวัดที่มีความเสี่ยงต่ำ ค่าเบี้ยประกันอาจถูกลงอย่างเห็นได้ชัด

 

ประกันรถยนต์คุ้มครองอะไรบ้าง?

    ความคุ้มครองของประกันรถยนต์ ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้หลายคนเลือกตัดสินใจซื้อ โดยทั่วไปประกันรถยนต์จะคุ้มครอง ดังนี้

 

  1. ทรัพย์สินของบุคคลภายนอก เช่น หากคุณขับรถชนรถคันอื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่น ประกันจะรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้น
  2. อุบัติเหตุส่วนบุคคล ครอบคลุมทั้งค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชยหากเกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
  3. ความเสียหายจากรถหายหรือไฟไหม้ เฉพาะประกันชั้น 1 และชั้น 2+ เท่านั้นที่คุ้มครองในกรณีนี้

 

    นอกจากนี้ บางกรมธรรม์ยังครอบคลุมถึงเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น น้ำท่วม หรือภัยธรรมชาติ ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ขับขี่ในพื้นที่เสี่ยงต่อเหตุการณ์เหล่านี้

 

ถ้ารถเป็นรอยเล็ก ๆ สามารถเคลมประกันได้ไหม?

    คำตอบคือ ได้ หากคุณทำประกันชั้น 1 คุณสามารถเคลมรอยขีดข่วนเล็ก ๆ ได้ เช่น รอยที่เกิดจากการเฉี่ยวชนกำแพง หรือถูกกิ่งไม้ขูดขีด แต่สำหรับประกันชั้น 2+ หรือ 3+ จะต้องมีคู่กรณีเท่านั้นถึงจะสามารถเคลมได้ เช่น รถชนท้ายคันอื่น

 

    ก่อนแจ้งเคลม แนะนำให้ตรวจสอบว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นมีมูลค่ามากกว่า ค่าความเสียหายส่วนแรก (Deductible) หรือไม่ เพราะหากมูลค่าน้อยกว่าก็อาจไม่คุ้มที่จะเคลม

ถ้ารถเป็นรอยเล็ก ๆ สามารถเคลมประกันได้ไหม

เปรียบเทียบประกันรถยนต์อย่างไรให้ได้คุ้มค่า?

    การเลือกประกันรถยนต์ที่คุ้มค่าควรพิจารณาหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มครอง ค่าเบี้ย หรือบริการหลังการขาย

 

    สิ่งแรกที่ควรทำคือการใช้ เว็บไซต์เปรียบเทียบประกัน ซึ่งช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของค่าเบี้ยจากหลายบริษัท พร้อมทั้งรายละเอียดความคุ้มครองในแต่ละแผน นอกจากนี้ การอ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริงก็ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าบริษัทประกันที่คุณเลือกมีบริการที่ดีและตอบโจทย์

 

    อีกหนึ่งเคล็ดลับคือการ ปรึกษาตัวแทนประกัน ซึ่งมักจะมีความเชี่ยวชาญในการแนะนำแผนประกันที่เหมาะกับงบประมาณและลักษณะการขับขี่ของคุณ

 

หากทำกรมธรรม์หายยังคุ้มครองอยู่หรือไม่?

    หลายคนอาจสงสัยว่า หากทำใบกรมธรรม์หาย ความคุ้มครองยังคงอยู่หรือไม่ คำตอบคือ ยังคงอยู่ เพราะข้อมูลของคุณถูกบันทึกไว้ในระบบของบริษัทประกันอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม คุณควรติดต่อบริษัทประกันเพื่อขอใบใหม่ เพื่อให้คุณมีเอกสารไว้ใช้อ้างอิงในกรณีฉุกเฉิน

 

ทำไมควรมีประกันรถยนต์?

    การมีประกันรถยนต์ช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจ เพราะไม่ว่าคุณจะเผชิญอุบัติเหตุเล็กน้อยหรือใหญ่แค่ไหน ประกันก็พร้อมช่วยดูแลค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงที่คุณจะต้องแบกรับภาระค่าเสียหายด้วยตัวเอง และยังช่วยให้คุณอุ่นใจในทุกการเดินทาง

 

    ประกันรถยนต์เป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันรถยนต์ อย่าลังเลที่จะสอบถามข้อมูลจากตัวแทนประกัน หรือใช้เว็บไซต์เปรียบเทียบประกันเพื่อเลือกแผนที่เหมาะสมที่สุด และหากคุณกำลังมองหาประกันรถยนต์ที่ตอบโจทย์ ลองเช็คเบี้ยประกันออนไลน์ได้ง่าย ๆ ที่นี่ เพื่อการตัดสินใจที่คุ้มค่าที่สุด! หรือสอบถามเรื่องประกันภัย โทร Hotline 1737 ยินดีให้บริการตอด 24 ชั่วโมง

เช็คราคาแผนประกัน

กรอกข้อมูลเพื่อค้นหาแผนประกัน

ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อ *

นามสกุล *

เบอร์โทรศัพท์มือถือ *

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง