มีไข้สูง เสี่ยงป่วยเป็นโรคอะไร

     โดยปกติแล้วร่างกายของเราจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 36.5-37.2 องศาเซลเซียส หากมีอาการไข้สูงอุณหภูมิในร่างกายจะพุ่งสูงขึ้นมากกว่านี้ ยิ่งในช่วงนี้ที่ฝนตกบ่อย ส่งผลทำให้หลายคนนั้นป่วย ตัวร้อน มีไข้สูงได้ง่าย ซึ่งอาการป่วยมีไข้สูงนั้น ก็นำพามาสู่โรคร้ายต่างๆ มากมาย วันนี้พี่หมี TQM เลยจะพาเพื่อนๆ มาเช็กกันว่า อาการป่วยมีไข้สูง เสี่ยงให้เกิดโรคอะไรได้บ้าง

---

เช็กด่วน!! มีไข้สูงแบบนี้ ป่วยเป็นโรคอะไรอยู่

1. โรคไข้หวัดใหญ่

     โรคไข้หวัดใหญ่ เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Influenza Virus โดยทั่วไปส่วนใหญ่จะพบในช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง อาการของโรคจะรุนแรงและป่วยนานกว่าไข้หวัดธรรมดา สามารถติดต่อกันผ่านการไอ จาม หายใจรดกัน รวมไปถึงการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เรื่องควรระวังของโรคไข้หวัดใหญ่คือ การเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรค ที่จะนำไปสู่โรคอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ เป็นต้น

อาการโรคไข้หวัดใหญ่

• ผู้ป่วยจะมีอาการหลังจากได้รับเชื้อ 1-4 วัน
• มีไข้สูงลอยติดกันหลายวัน 3-4 วัน
• ปวดศีรษะ หนาวสั่น 
• ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย
• คัดจมูก เจ็บคอ ไอแห้งๆ

2. โรคไข้เลือดออก

     โรคไข้เลือดออก  เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Dengue มียุงลายตัวเมียเป็นพาหะนำโรค แพร่ระบาดช่วงฤดูฝนของทุกปี โดยโรคไข้เลือดออกสามารถเป็นซ้ำได้ และอาการของโรคครั้งที่สองมักรุนแรงกว่าครั้งแรกอีกด้วย สามารถเป็นได้กับทุกเพศทุกวัย ส่วนอาการที่มักจะไม่พบในโรคไข้เลือดออกก็คือ อาการไอ จาม มีน้ำมูก

อาการโรคไข้เลือดออก

• มีไข้สูง 38-41 องศาเซลเซียส ประมาณ 2-7 วัน
• มีจุดเลือดเล็กๆ บริเวณผิวหนังทั่วร่างกาย เช่น แขน ขา ลำตัว รวมไปถึงอาจมีเลือดออกตามไรฟัน หรือ เลือดกำเดาไหล
• คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
• ปัสสาวะ อุจจาระมีเลือดปน
• ปวดข้อ หรือปวดกระดูก ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
• ปวดท้องรุนแรง หากกดที่ชายโครงด้านขวาจะมีอาการเจ็บ

3. โรคไข้สมองอักเสบเจอี

     สำหรับโรคไข้สมองอักเสบเจอีนั้น เกิดได้จากเชื้อไวรัสเจอี Japanese encephalitis (JE) มียุงรำคาญเป็นพาหะนำโรค จะมีผลต่อการอักเสบของระบบสมองส่วนกลาง ยังไม่มียารักษาโรคนี้โดยเฉพาะ จึงทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูง หรือทำให้เกิดความพิการทางสมองในผู้ที่รอดชีวิต และมักแพร่ระบาดหนักในช่วงหน้าฝนอีกด้วย

อาการโรคไข้สมองอักเสบเจอี

• มีไข้สูงร่วมกับอาการอ่อนเพลีย
• ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตัว
• คลื่นไส้ อาเจียน
• บางรายอาจมีอาการเกร็งชักกระตุก หายใจไม่สม่ำเสมอ 
• ในบางรายที่รุนแรงหนักมากจะถึงแก่ชีวิต

4. ไข้ไทฟอยด์

     ไข้ไทฟอยด์ หรือไข้รากสาดน้อย เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Salmonella Typhi ซึ่งติดต่อโดยการรับประทานอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อ โดยผู้ป่วยบางรายสามารถรักษาหายได้เมื่อได้รับยาหรือมีการฉีดวัคซีนต้านไข้ไทฟอยด์ แต่ในบางรายอาจเสียชีวิตด้วยภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงอย่างภาวะไตวาย หากไม่ได้รับการรักษาแบบทันที

อาการไข้ไทฟอยด์

• จะมีไข้ต่ำๆ และค่อยๆ ไข้สูงขึ้นได้ถึง 40 องศาเซลเซียส
• อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร
• ท้องผูก แน่นท้อง 
• ปวดท้อง ท้องบวมมาก 
• มีผื่นขึ้นบริเวณหน้าท้องหรือหน้าอก

5. โรคโควิด-19

     ปิดท้ายกันที่โรคโควิด-19 ถือเป็นโรคระบาดใหม่เกิดจากเชื้อไวรัส โคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 และมีการกลายพันธุ์ไปหลายสายพันธุ์ ทำให้แพร่กระจายได้ง่ายและเร็วสามารถหลีกเลี่ยงภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ดีกว่าเดิม ซึ่งโควิด-19 เกิดจากการได้รับเชื้อจากละอองฝอยหรือสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ส่วนความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับสุขภาพของผู้ติดเชื้อในแต่ละราย บางรายอาจหายได้เอง ในบางรายอาจเสียชีวิตได้

อาการโรคโควิด-19

• มีไข้สูงมากกว่า 37.5 องศา
• เจ็บคอ ไอแห้ง
• หายใจเหนื่อยหอบ น้ำมูกไหล
• ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยเนื้อตัว
• จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่ได้รส
• มีผื่นบนผิวหนัง
• คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย
• เยื่อบุตาอักเสบ คล้ายตาแดง
• บางรายรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบ หรือปอดบวม

---

     และในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยแบบนี้คงจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของใครหลายคนได้ หากมีอการไข้สูงนานติดกันหลายวันแล้วยังไม่หาย พี่หมีแนะนำให้ไปพบหมอเพื่อให้ตรวจวินิฉัยโรค และเข้ารับการรักษาให้ทันทีจะดีที่สุดครับ และควรมองหาประกันสุขภาพ ที่ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล เจ็บป่วยไม่กระทบเงินเก็บ พี่หมีขอแนะนำ ประกันสุขภาพ All in One เบี้ยเริ่มวันละ 20 บาท คุ้มครองสูงสุด 400,000 บาท ผ่อน 0% ไม่ต้องสำรองจ่าย สนใจคลิกได้เลยที่นี่ หรทอโทรสอบถามข้อมูลประกันภัยเพิ่มเติมได้ที่ 1737 ตลอด 24 ชั่วโมงนะครับ

 READ MORE :