13/05/68

|

อ่านแล้ว 134 ครั้ง

น้ำซึมจากผนังข้างบ้าน แก้ไขอย่างไร ซ่อมเองได้ไหม?

    หากคุณกำลังเจอกับปัญหา “น้ำซึมผนังบ้าน” โดยเฉพาะผนังที่ติดกับบ้านข้างเคียงหรือฝั่งที่โดนฝนสาดบ่อย ๆ แล้วล่ะก็ ปล่อยไว้นานอาจลุกลามจนทำให้สีหลุด ลอก รา หรือโครงสร้างเสียหายได้ ปัญหานี้มักเกิดขึ้นกับบ้านจัดสรรหรือทาวน์โฮม โดยเฉพาะกรณี ทาวน์เฮ้าส์น้ำซึมจากข้างบ้าน ที่เป็นจุดอับ ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย วันนี้ พี่หมี TQM จะช่วยแนะนำ วิธีแก้น้ำซึมเข้าผนังบ้าน แบบเข้าใจง่าย และสามารถลงมือทำได้เองหรือแจ้งช่างได้ตรงจุด

 

สาเหตุของน้ำซึมผนังบ้าน เกิดจากอะไร?

    ก่อนที่เราจะลงมือซ่อมหรือแก้ไขปัญหาน้ำซึมจากผนังบ้านอย่างจริงจัง สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาเสียก่อน เพราะการซ่อมโดยไม่รู้ต้นเหตุ อาจทำให้แก้ไม่ตรงจุด เสียทั้งเวลาและงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์ และที่สำคัญคือมีโอกาสสูงที่ปัญหาเดิมจะกลับมาเกิดซ้ำอีกในอนาคต ดังนั้น การวิเคราะห์ให้ชัดเจนว่าน้ำซึมเกิดจากอะไร จะช่วยให้เราวางแผนการซ่อมแซมหรือป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสาเหตุที่พบบ่อยของน้ำซึมผนังบ้าน มีดังนี้

 

  • ผนังบ้านไม่มีการลงวัสดุกันซึมตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ในขั้นตอนการก่อสร้างหากไม่ได้ใช้วัสดุกันซึมเฉพาะจุด เช่น น้ำยากันซึมผนังหรือเมมเบรนกันซึม จะทำให้ผนังมีโอกาสดูดซึมความชื้นจากภายนอกได้ง่าย และสะสมจนเกิดปัญหาน้ำซึมในอนาคต

  • การทรุดตัวของบ้านหรือคุณภาพวัสดุที่เสื่อมสภาพจนเกิดรอยร้าว เมื่อโครงสร้างบ้านเกิดการเคลื่อนตัว หรือวัสดุก่อสร้างเริ่มเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน จะทำให้ผนังเกิดรอยแตกร้าวเล็ก ๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ซึ่งเป็นช่องทางให้ความชื้นและน้ำฝนซึมเข้ามาได้

  • การโดนน้ำฝนสาดเป็นประจำ โดยเฉพาะฝั่งที่ลมพัดแรง ทำให้เกิด น้ำซึมเข้าบ้าน น้ำไหลจากกำแพง ผนังด้านที่รับฝนโดยตรงจะมีความเสี่ยงสูง เพราะแม้ว่าจะทาสีหรือฉาบผิวไว้ดีเพียงใด หากไม่มีการเคลือบสารกันน้ำที่เหมาะสม ก็ยังสามารถเกิดการซึมได้จากแรงดันของน้ำฝนที่กระแทกผิวผนังอย่างต่อเนื่อง

  • น้ำรั่วจากรางน้ำ ท่อ หรือปัญหาฝั่งบ้านเพื่อนในกรณี ทาวน์เฮ้าส์น้ำซึมจากข้างบ้าน บ้านที่มีผนังติดกับบ้านข้างเคียง หากฝั่งตรงข้ามมีรางน้ำหรือท่อแตก รั่ว หรือวางระบบไม่ถูกต้อง น้ำอาจไหลเข้าสู่ผนังของเราได้โดยไม่รู้ตัว และเป็นปัญหาที่ตรวจพบได้ยาก

  • ความชื้นจากดินที่สะสมใต้พื้น ซึ่งอาจกลายเป็น น้ำซึมใต้พื้น ในระยะยาว หากไม่มีการป้องกันความชื้นจากดิน เช่น การปูพลาสติกกันชื้นใต้พื้นก่อนเทคอนกรีต หรือการวางระบบระบายน้ำรอบบ้านอย่างเหมาะสม ความชื้นจะค่อย ๆ ซึมขึ้นจากพื้นจนส่งผลถึงผนังชั้นล่าง

  • การติดตั้งระบบท่อน้ำหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในผนังที่รั่วซึม เช่น ท่อน้ำแอร์หรือท่อประปาฝังผนัง หากมีรอยรั่วแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้เกิดความชื้นสะสมและซึมออกมาที่ผนังได้

  • การต่อเติมหรือปรับปรุงบ้านโดยไม่ได้ตรวจสอบระบบระบายน้ำเดิมอย่างเหมาะสม เช่น ต่อเติมหลังคาหรือกันสาดแล้วน้ำไหลย้อนเข้าผนัง

  • การเลือกใช้สีทาผนังหรือวัสดุเคลือบผิวที่ไม่สามารถกันน้ำได้จริง ซึ่งเสื่อมสภาพง่ายเมื่อโดนแดดฝน ทำให้ผนังซึมน้ำได้มากขึ้น

สาเหตุของน้ำซึมผนังบ้าน เกิดจากอะไร?

วิธีแก้ปัญหาน้ำซึมผนังบ้าน

ตรวจสอบรอยแตกร้าวและจุดน้ำซึม

ให้ลองดูรอยด่าง ความชื้น หรือน้ำที่หยดจากผนัง ถ้าสงสัยว่ามีน้ำซึมให้ลองทดสอบง่าย ๆ ด้วยการแปะพลาสติกใสไว้กับผนัง ถ้ามีไอน้ำเกาะด้านในแสดงว่า น้ำซึมผนังบ้าน จริง

 

ใช้วัสดุกันซึมอุดรอยซึม

วัสดุที่นิยมมีทั้งซีเมนต์กันซึม, โพลียูรีเทน (PU), หรือซิลิโคนแบบกันน้ำ โดยควรเลือกให้เหมาะกับตำแหน่ง เช่น รอยต่อผนัง–พื้น หรือรอยแตกบนปูน ก่อนอุดควรทำความสะอาดให้เรียบร้อยเพื่อให้วัสดุยึดเกาะได้ดี ไม่หลุดล่อนเร็ว หากสงสัยว่าน้ำซึม ใช้อะไรอุด? นี่คือคำตอบ

 

ทาสีหรือเคลือบผนังด้วยสารกันน้ำ

หลังซ่อมรอยรั่วแล้ว แนะนำให้เคลือบผนังด้วยสีกันน้ำ (Waterproof Paint) หรือใช้สารเคลือบผนังสูตรกันซึม เพื่อป้องกันความชื้นจากภายนอก ผนังฝั่งข้างบ้านหรือทิศตะวันตกที่โดนแดดและฝนเป็นประจำ ควรได้รับการเคลือบเป็นพิเศษ

ซ่อมผนังรั่วซึมต้องทำอย่างไร?

ซ่อมผนังรั่วซึมต้องทำอย่างไร?

    หากการทาเพียงวัสดุกันซึมภายนอกยังไม่สามารถหยุดการรั่วซึมได้ นั่นอาจหมายถึงว่ารอยรั่วที่เกิดขึ้นมีความเสียหายลึกถึงชั้นโครงสร้างของผนัง ซึ่งจำเป็นต้องดำเนินการซ่อมแซมแบบครบวงจร ไม่ใช่แค่การปิดผิวชั้นนอกเท่านั้น สัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่าควรเร่งซ่อม ได้แก่ การที่ผนังมีปูนหลุดร่อน สีพองหรือแตกลายงา ผิวผนังเปลี่ยนสีจากความชื้น หรือพบเชื้อราหรือคราบดำกระจายตัวในวงกว้าง สิ่งเหล่านี้บ่งชี้ว่าน้ำซึมอาจเข้าไปถึงชั้นวัสดุก่อสร้างด้านใน หากปล่อยไว้นานอาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างบ้าน เช่น เหล็กเสริมผุกร่อน ผนังเสียความแข็งแรง หรือทำให้บ้านมีกลิ่นอับเรื้อรัง ดังนั้น การเร่งซ่อมให้ตรงจุดจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันปัญหาใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

 

    เพื่อให้การซ่อมแซมมีประสิทธิภาพและครอบคลุมทุกจุดเสียหายที่อาจเกิดขึ้น สามารถดำเนินการตามขั้นตอนหลัก ๆ ดังต่อไปนี้

 

  1. สกัดผิวปูนเดิม เพื่อเปิดรอยแตกร้าวที่ซ่อนอยู่ : ขั้นตอนนี้เริ่มจากการใช้เครื่องมือเฉพาะ เช่น สกัดไฟฟ้าหรือค้อนและสิ่ว ทำการสกัดผิวปูนบริเวณที่มีความชื้นหรือรอยแตกร้าว เพื่อเปิดเผยชั้นโครงสร้างด้านใน การทำเช่นนี้ช่วยให้มองเห็นรอยร้าวลึกที่ซ่อนอยู่ และเป็นการเตรียมพื้นผิวให้สะอาดพร้อมสำหรับการอุดรอยรั่วในขั้นตอนถัดไป

  2. ฉีด PU หรือวัสดุกันซึมเข้าแนวรอยแตกร้าว : เมื่อเปิดรอยแตกร้าวเรียบร้อยแล้ว จะทำการฉีดสารโพลียูรีเทน (PU) หรือวัสดุกันซึมชนิดอื่น ๆ เข้าไปในแนวรอยร้าวโดยใช้หัวฉีดแรงดันสูง สารนี้จะซึมเข้าไปตามโพรงและรอยแยกภายใน เมื่อเซตตัวแล้วจะขยายตัวปิดช่องว่างทั้งหมด ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำซึมผ่านเข้ามาอีก

  3. ฉาบปูนใหม่และทาสีทับ เพื่อความเรียบร้อยและความสวยงาม : หลังจากฉีด PU และปล่อยให้เซตตัวจนแห้งสนิทแล้ว จะทำการฉาบปูนใหม่บริเวณที่สกัดออกไป โดยใช้องค์ประกอบที่สามารถทนต่อความชื้นหรือมีสารผสมกันซึมในตัว จากนั้นจึงทาสีหรือเคลือบกันซึมอีกชั้นเพื่อเสริมความแข็งแรงและปรับสภาพผิวให้กลับมาดูสวยงามเหมือนเดิม

ทาวน์เฮ้าส์ น้ำซึมจากผนังข้างบ้าน แก้ไขอย่างไร?

ทาวน์เฮ้าส์น้ำซึมจากข้างบ้าน แก้ไขอย่างไร?

    สำหรับบ้านประเภททาวน์เฮ้าส์หรือบ้านที่มีผนังติดกับเพื่อนบ้าน มักพบปัญหาเมื่อต้องการซ่อมแซมผนังด้านนอก เพราะเข้าถึงพื้นที่ฝั่งนั้นไม่ได้โดยตรง ทำให้การแก้ปัญหาน้ำซึมจากข้างบ้านทำได้จำกัด หากคุณพบว่าผนังด้านที่ติดกับบ้านเพื่อนมีความชื้น รอยด่าง หรือมีน้ำซึม วิธีเบื้องต้นที่สามารถจัดการได้ มีดังนี้

 

  • แจ้งและพูดคุยกับเพื่อนบ้านเพื่อขอความร่วมมือในการตรวจสอบจุดต้นเหตุ เช่น ตรวจสอบว่ารางน้ำของฝั่งเขามีการรั่วหรือไม่ หรือมีน้ำไหลย้อนเข้าผนังบ้านของเราหรือเปล่า ซึ่งหากสามารถพูดคุยกันได้ดีจะช่วยให้การแก้ปัญหาทำได้ตรงจุดและรวดเร็วขึ้น

  • ปรับทิศทางรางน้ำหรือวางระบบระบายน้ำใหม่ไม่ให้เอียงเข้าบ้านของเรา หากพบว่าน้ำจากฝั่งข้างบ้านไหลเข้าสู่กำแพงของเราโดยตรง เช่น จากรางน้ำที่ติดตั้งไม่ถูกหลัก การเปลี่ยนองศาการวางหรือการเพิ่มรางนำทางน้ำใหม่จะช่วยลดปัญหาการซึมสะสมได้

  • ซ่อมจากด้านใน โดยการทาผนังฝั่งในด้วยวัสดุกันซึม เช่น สีเคลือบหรือแผ่นกันซึม แม้ว่าจะไม่ได้แก้รอยรั่วจากต้นเหตุด้านนอก แต่ช่วยลดความชื้นที่ผ่านเข้ามายังภายในบ้านได้ และเป็นวิธีที่สามารถทำได้ทันทีโดยไม่ต้องพึ่งการเข้าพื้นที่ฝั่งข้างเคียง

 

    แต่หากไม่สามารถตกลงกับเพื่อนบ้านได้ หรือไม่ได้รับความร่วมมือ ควรดำเนินการแจ้งนิติบุคคลของโครงการเพื่อให้ช่วยเป็นตัวกลางในการประสานงาน และในบางกรณีที่ปัญหาซับซ้อนหรือเกี่ยวข้องกับกรรมสิทธิ์พื้นที่ อาจจำเป็นต้องขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายหรือช่างผู้เชี่ยวชาญในการประเมินแนวทางการแก้ไขอย่างเหมาะสม

 

น้ำซึมผนังบ้าน เคลมประกันบ้านได้ไหม?

    คำถามยอดฮิตของเจ้าของบ้านหลายคนเมื่อเจอปัญหาน้ำซึม คือ “แบบนี้ประกันบ้านจะเคลมให้หรือเปล่า?” คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกรมธรรม์ที่คุณถืออยู่ เพราะการ ซ่อมผนังรั่วซึม หรือ น้ำซึมผนังบ้าน อาจไม่ได้อยู่ในความคุ้มครองทั้งหมด โดยทั่วไป ประกันบ้านจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

 

1. ประกันบ้าน คุ้มครองโครงสร้างบ้าน

    กรมธรรม์ประกันบ้านประเภทนี้ให้ความคุ้มครองในส่วนของโครงสร้างหลักของบ้าน เช่น ผนัง พื้น หลังคา เสา และฐานราก หากเกิดความเสียหายจากเหตุภัยธรรมชาติ เช่น พายุ ฝนตกหนัก น้ำท่วม หรือไฟไหม้ และสามารถระบุสาเหตุได้ชัดเจน เช่น น้ำซึมเข้าผนังเพราะฝนตกหนักเป็นเวลานาน ร่วมกับมีหลักฐานประกอบ เช่น รูปถ่ายวันเกิดเหตุหรือรายงานจากกรมอุตุนิยมวิทยา ก็มีโอกาสที่จะเคลมค่าเสียหายได้ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์

 

2. ประกันบ้าน คุ้มครองทรัพย์สินภายในบ้าน

    ประกันบ้านคุ้มครองครอบคลุมทรัพย์สินต่าง ๆ ที่อยู่ภายในบ้าน เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ผ้าม่าน พรม และของใช้ทั่วไป หากทรัพย์สินเหล่านี้ได้รับความเสียหายจากเหตุที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น น้ำซึมจากผนังที่มาจากฝนหรือท่อแตกแล้วทำให้ทีวีเสีย หรือพรมเปียกจนใช้ไม่ได้ หากสามารถพิสูจน์ได้ว่าสาเหตุน้ำซึมเกิดจากภัยที่กรมธรรม์ครอบคลุม ก็สามารถยื่นเคลมได้

 

ข้อยกเว้นที่ควรรู้

หากน้ำซึมเกิดจากปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น ใช้วัสดุไม่ได้มาตรฐาน บ้านมีอายุหลายสิบปี หรือเจ้าของบ้านไม่ได้ดูแลบำรุงรักษาตามสมควร ปัญหาเหล่านี้มักจะไม่อยู่ในเงื่อนไขการเคลมประกัน เพราะถือเป็นการสึกหรอตามอายุการใช้งาน

ประกันบ้าน TQM

ข้อแนะนำ

  • ตรวจสอบกรมธรรม์บ้านของคุณให้ชัดเจนว่า ครอบคลุมภัยน้ำซึม/น้ำรั่ว หรือไม่

  • หากยังไม่มีประกันบ้าน หรือไม่แน่ใจเรื่องความคุ้มครองที่มีอยู่ สามารถปรึกษาพี่หมี TQM ที่เชี่ยวชาญด้านประกันภัย โทร 1737 เพื่อรับคำแนะนำเรื่อง ประกันบ้านที่ครอบคลุมมากขึ้น และเปรียบเทียบเบี้ยประกันบ้านให้คุณ

 

    อย่างไรก็ตาม แม้คุณจะซ่อมบ้านหรือป้องกันน้ำซึมอย่างดีแล้ว แต่ภัยธรรมชาติก็อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด และอาจลุกลามจนสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างบ้านหรือทรัพย์สินภายใน การมี ประกันบ้าน จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน พี่หมี TQM ขอแนะนำให้คุณลอง เช็กเบี้ยประกันบ้านกับ TQM เลือกราคาที่ใช่พร้อมราคาที่คุ้มค่า หรือหากต้องการปรึกษาเรื่องประกันภัย โทร 1737 พี่หมียินดีให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงครับ

เช็คราคาแผนประกัน

กรอกข้อมูลเพื่อค้นหาแผนประกัน

รายละเอียดที่อยู่อาศัย

เลือกประเภทที่อยู่อาศัย *

บ้านเดี่ยว

บ้านแฝด

ทาวน์โฮม

คอนโด

ตึกแถว

โครงสร้างบ้าน *

จำนวนชั้น *

ลักษณะการใช้งานบ้าน *

ตำแหน่งบ้านของคุณ *

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง