เช็คราคาแผนประกัน
กรอกข้อมูลเพื่อค้นหาแผนประกัน
ชื่อ *
นามสกุล *
เพศ *
วัน/เดือน/ปีเกิด *
เบอร์โทรศัพท์มือถือ *
|
อ่านแล้ว 441 ครั้ง
โรคมะเร็งปอด ถือเป็นหนึ่งในภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยมากกว่า 20,000 คนต่อปี โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง การทำความเข้าใจปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับโรคนี้จะช่วยให้เราสามารถป้องกันได้ทันท่วงที และลดโอกาสการเกิดโรคในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้พี่หมี TQM จะพาคุณไปรู้จัก 6 ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่เชื่อมโยงกับการเกิดโรคมะเร็งปอด พร้อมแนวทางหลีกเลี่ยงแบบเข้าใจง่าย และเหมาะกับชีวิตประจำวัน
มะเร็งปอด คือ ภาวะที่เซลล์ในเนื้อเยื่อของปอดเจริญเติบโตผิดปกติ และอาจลุกลามไปยังอวัยวะอื่นของร่างกายได้อย่างรวดเร็ว แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (Small Cell Lung Cancer - SCLC) ที่เติบโตและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
มะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์เล็ก (Non-Small Cell Lung Cancer - NSCLC) พบมากที่สุดในผู้ป่วยมะเร็งปอด
ในระยะแรกของโรค มักไม่แสดงอาการที่ชัดเจน แต่เมื่อเข้าสู่ระยะลุกลาม จะเริ่มมีอาการ เช่น ไอเรื้อรัง หายใจติดขัด เจ็บหน้าอก หรือไอมีเลือดปน
จากข้อมูลสถิติทะเบียนมะเร็งประเทศไทย ปี 2565 โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่าในแต่ละปี ประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ประมาณ 140,000 คน หรือเฉลี่ยราว 400 คนต่อวัน และมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งประมาณ 83,000 คนต่อปี สะท้อนให้เห็นว่าโรคมะเร็งยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศ และมีแนวโน้มการเกิดโรคเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกกลุ่มอายุ
สำหรับมะเร็งปอดนั้น เป็นหนึ่งใน 5 อันดับมะเร็งที่คร่าชีวิตคนไทยมากที่สุด รองจากมะเร็งตับและท่อน้ำดี โดยมีผู้ป่วยใหม่เฉลี่ยวันละ 48 คน และเสียชีวิตจากโรคนี้สูงถึงวันละ 40 ราย ซึ่งสูงกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน แม้ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าผู้ไม่สูบถึง 10 เท่า แต่มลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
ที่น่ากังวลคือผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมาพบแพทย์ในระยะลุกลาม เนื่องจากอาการเริ่มต้นของมะเร็งปอดมักไม่ชัดเจน ทำให้โอกาสในการรักษาให้หายขาดลดน้อยลง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือมลภาวะทางอากาศ
การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับหนึ่งของโรคมะเร็งปอด ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ธรรมดาหรือบุหรี่ไฟฟ้า สารพิษในควันบุหรี่ เช่น ทาร์ นิโคติน และสารก่อมะเร็งอื่น ๆ จะเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อภายในปอดอย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่การกลายพันธุ์ของเซลล์ และแม้จะเลิกสูบแล้ว ความเสี่ยงยังคงอยู่ แต่จะลดลงตามระยะเวลาที่เลิกบุหรี่
การสูดดมควันบุหรี่จากผู้อื่น หรือที่เรียกว่าควันบุหรี่มือสอง ก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งปอดได้เช่นกัน โดยเฉพาะในเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมปิดที่ไม่มีการระบายอากาศที่ดี
ฝุ่น PM2.5 และสารพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ เช่น ควันจากโรงงาน รถยนต์ หรือไฟป่า ล้วนเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ และสามารถสะสมในปอดจนกระตุ้นให้เกิดมะเร็งได้ในระยะยาว
เรดอนเป็นก๊าซธรรมชาติที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น มักพบในพื้นที่ปิดใต้ดิน เช่น ห้องใต้ถุนหรือห้องเก็บของ หากไม่มีการระบายอากาศ ก๊าซนี้สามารถสะสมและเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งปอดโดยไม่รู้ตัว
หากสมาชิกในครอบครัวเคยป่วยเป็นมะเร็งปอด ความเสี่ยงในคนรุ่นถัดไปก็จะเพิ่มขึ้น แม้จะไม่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ การมียีนกลายพันธุ์บางชนิดอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดมะเร็งได้ง่ายขึ้น
การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ขาดผักผลไม้ การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียดสะสม และการไม่ออกกำลังกาย ล้วนทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายรวมถึงมะเร็งปอด
การป้องกันโรคมะเร็งปอดสามารถเริ่มได้ตั้งแต่วันนี้ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง โดยแนวทางสำคัญที่ควรปฏิบัติมีดังนี้
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีควันบุหรี่ เพราะควันบุหรี่ทั้งมือหนึ่งและมือสองมีสารพิษที่สามารถสะสมในร่างกายและทำลายเซลล์ปอดได้
สวมหน้ากากกันฝุ่นที่ได้มาตรฐาน เช่น หน้ากาก N95 หรือ KF94 โดยเฉพาะในวันที่มีค่าฝุ่นละออง PM2.5 สูง หรือเมื่ออยู่ในบริเวณที่มีควันจากการเผาไหม้
ตรวจสุขภาพปอดเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี หรือมีประวัติครอบครัวเกี่ยวกับโรคมะเร็งปอด ควรเข้ารับการตรวจเอกซเรย์หรือ CT Scan เพื่อค้นหาความผิดปกติตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช และหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป ควบคู่กับการดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน
พักผ่อนให้เพียงพอ วันละ 7-8 ชั่วโมง และพยายามลดความเครียดด้วยกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น เดินเล่น โยคะ หรือฝึกสมาธิ
ออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3–5 วัน ครั้งละ 30 นาที เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน เพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
อย่างไรก็ตาม แม้คุณจะไม่สูบบุหรี่ หรือไม่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะปลอดภัยจากโรคร้ายอย่างมะเร็งปอด เพราะทุกวันนี้ทั้งมลพิษ PM2.5 พฤติกรรมการใช้ชีวิต และปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ล้วนเพิ่มความเสี่ยงโดยที่คุณไม่รู้ตัว พี่หมี TQM ขอแนะนำให้คุณเริ่มต้นวางแผนคุ้มครองสุขภาพแบบง่าย ๆ ด้วยการ เช็กเบี้ยประกันมะเร็ง ประกันโรคร้ายแรงที่ให้ความคุ้มครองตั้งแต่ระยะเริ่มต้น พร้อมดูแลค่ารักษา ค่าชดเชย และความอุ่นใจที่คุณวางใจได้ เพื่อเริ่มต้นวางแผนให้ตัวเองก่อนที่สายเกินไป หรือปรึกษาเรื่องประกันภัย โทร 1737 ยินดีให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
ชื่อ *
นามสกุล *
เพศ *
วัน/เดือน/ปีเกิด *
เบอร์โทรศัพท์มือถือ *